ส่องเส้นทาง 'กะเพรา' ก่อนจะมาเป็น ข้าวผัดกะเพรา เมนูขายดีที่ 1 ในร้านเซเว่นฯ

ข้าวผัดกะเพรา เมนูฮิตที่ครองใจใครหลายคน เพราะนอกจากจะเป็นเมนูที่หารับประทานได้ง่ายแล้ว รสชาติยังถูกปากคนไทยด้วย และนอกจากข้าวผัดกะเพราที่ปรุงกันแบบตามสั่งแล้ว บริษัท ซีพีแรม จำกัด ยังสนับสุนให้เกษตรกรปลูก กะเพรา ภายใต้โครงการ “เกษตรกรคู่ชีวิต” ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ Food 3S ของ ซีพีแรม คือ ความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety) ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และความยั่งยืนทางอาหาร (Food Sustainability) โดยนำ กะเพรา ที่ได้มาปรุงเป็น ข้าวผัดกะเพรา บรรจุกล่องเป็นเมนูพร้อมรับประทาน จำหน่ายภายในร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เซเว่น-อีเลฟเว่น จนขึ้นแท่นเมนูขายดีอันดับ 1 

อาภาภรณ์ พรหมเชยธีระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด กล่าวว่า กะเพรา เป็นพืชอีกชนิดที่ ซีพีแรม ได้พัฒนาสายพันธุ์ จนได้สายพันธุ์กะเพราที่มีความหอม มีรสชาติเผ็ด ซ่า ตรงกับความต้องการที่จะนำมาผลิตเป็น ข้าวผัดกะเพรา จำหน่ายภายในร้านสะดวกซื้อชื่อดัง เซเว่น-อีเลฟเว่น 

“ซีพีแรม ใช้ กะเพรา วันละ 140 กิโลกรัมมาผลิตเป็นเมนู ข้าวผัดกะเพรา อยู่ที่วันละ 180,000 กล่อง มีทั้งกะเพราไก่คั่ว, กะเพราหมูสับ, กะเพราหมู, และกะเพราไก่ไข่ดาว ส่งขายทั้ง 1,900 สาขาทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าวผัดกะเพราของเราใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และรสชาติดี ทำให้ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เป็นเมนูที่ขายดีที่สุดในหมวดอาหารพร้อมรับประทาน โดยเฉพาะกะเพราคั่วไก่ขายดีเป็นอันดับ 1”

ขณะที่ ประหยัด อุสาย เกษตรกรต้นแบบของโครงการเกษตรกรคู่ชีวิต ใน จ.ขอนแก่น เล่าว่า เดิมทีตัวเองและครอบครัวปลูกพืชผักสวนครัว อาทิ หอม โหระพา แมงลัก ผักชีหอม คะน้า สลัด ผักกาด ฯลฯ รวมทั้งกะเพราพันธุ์พื้นบ้าน ส่งขายให้กับพ่อค้า-แม่ค้าทั่วไป ซึ่งมีปัญหาในเรื่องของราคาและความต้องการของตลาดในแต่ละวันที่ไม่สามารถวางแผนล่วงหน้าได้ บางครั้งผลผลิตล้นตลาดก็จะโดนกดราคา หรือถ้าขายไม่ได้ต้องเคลียร์ทิ้งทั้งหมด จนกระทั่งช่วงปลายปี 2559 กลุ่ม ซีพีแรม เข้ามาชักชวนให้เกษตรกรปลูกกะเพราป่าที่มีลักษณะหอมฉุน และรสชาติเผ็ดกว่าพันธุ์พื้นบ้าน เพื่อนำไปผลิตเมนู ข้าวผัดกะเพรา โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทเข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยง ให้ความรู้ช่วย แนะนำเทคนิคในการปลูกเพื่อให้ กะเพรา ได้มาตรฐาน GAP 

“การเข้ามาร่วมปลูก กะเพรา ส่งให้ซีพีแรม เรามีการพูดคุยกันเป็นรายปี มีการวางแผนในการปลูกเพื่อให้ได้ตามปริมาณที่เขาต้องการ ซึ่งตอนแรกเรากังวลมากมองว่าเป็นเรื่องยากเพราะกะเพราต้องได้มาตรฐาน และเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเราทำกันแบบบ้านๆ แต่เมื่อมีโอกาสก็อยากพิสูจน์ และที่สุดก็ทำได้ตามที่ทางซีพีแรมต้องการ และได้ส่งขายให้กับทางซีพีแรมอย่างจริงจังในช่วงกลางเดือนเมษายน ปี 2560 เริ่มต้นที่วันละ 5 กิโลกรัม และค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น จนปัจจุบันมีชาวบ้านเข้าร่วมการปลูกกะเพราทั้งหมด 7 ครัวเรือน ส่งผลผลิตได้ประมาณ 50-60 กิโลกรัมต่อวัน โดยทางซีพีแรมประกันราคารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 140 บาท ทำให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น และแน่นอนขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย”