ชีวิตดีสังคมดี

อัปเกรด 'บัตรทอง 30 บาท' ล่าสุด เช็ก 13 เรื่องยกระดับการรักษาทุกโรค

อัปเกรด 'บัตรทอง 30 บาท' ล่าสุด เช็ก 13 เรื่องยกระดับการรักษาทุกโรค

15 ต.ค. 2566

อัปเกรด 'บัตรทอง 30 บาท' สปสช. ปรับระบบการดูแลผู้ป่วยให้ครอบคลุม เช็ก 13 เรื่องยกระดับการรักษาทุกโรคให้ถ้วนหน้า

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจงรายละเอียดแผนงานสนับสนุนนโยบายยกระดับ "บัตรทอง 30 บาท" 13 ข้อของรัฐบาล ครอบคลุมทั้งการสนับสนุนงบประมาณ การเพิ่มสิทธิประโยชน์ รวมทั้งร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในภาพรวม

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้รับทราบแนวทางการสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายยกระดับ "บัตรทอง 30 บาท" รักษาทุกโรค ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีทั้งหมด 13 เรื่องหลัก ประกอบด้วย

1.โครงการพระราชดำริฯ โครงการเฉลิมพระเกียรติและโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์ จะเน้นที่โครงการราชทัณฑ์ปันสุข โดยตั้งเป้าให้ผู้ต้องขังทุกรายได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพและการป้องกันโรค เช่น เอดส์ วัณโรค มะเร็ง วัคซีนไข้หวัดใหญ่ และการตรวจสุขภาพจิต ตามมาตรฐานสาธารณสุข รวมทั้งจัดบริการทันตกรรมและบริการอื่นๆที่จำเป็น โดย สปสช.จะจัดงบประมาณรองรับบริการต่างๆ ที่จำเป็นแก่ผู้ต้องขัง รวมทั้งสนับสนุนโรงพยาบาลแม่ข่ายในการจัดระบบการให้บริการในเรือนจำ

 

2.โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล เน้นการจัดหาหน่วยบริการในระบบบัตรทองเพิ่มเติมในเขตที่ขาดแคลน ให้มีเพียงพอใน 31 เขตของ กทม. รวมทั้งการจัดงบประมาณรองรับเป้าหมายการเข้าถึงบริการที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งบริการผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และบริการสร้างเสริมสุขภาพต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนการจัดเครือข่ายระบบส่งต่อ โดยดำเนินการประสานการส่งต่อผ่านสายด่วน สปสช. 1330

 

3.สุขภาพจิต/ยาเสพติด จะมีการจัดงบประมาณรองรับบริการผู้ป่วยสุขภาพจิตและผู้ป่วยยาเสพติด 421,920 ราย ตั้งแต่การคัดกรองพฤติกรรมและความเสี่ยง การจัดบริการ Home ward เพื่อดูแลผู้ป่วยที่บ้าน และขยายผลเก้าเลี้ยวโมเดล พร้อมทั้งจัดบริการจิตเวชชุมชนเพื่อเป็นที่ปรึกษาและดูแลให้ได้รับยาต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน จะมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์สายด่วนวัยรุ่นและสายด่วนมิตรภาพบำบัด รวมทั้งการให้คำปรึกษาในโรงพยาบาลชุมชน

 

4.มะเร็งครบวงจร จะมีการต่อยอดนโยบายมะเร็งไปได้ทุกที่ จะจัดงบประมาณรองรับการขยายสิทธิประโยชน์คัดกรองความเสี่ยงมะเร็งที่สำคัญๆ ทั้งการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกในเด็กหญิงอายุ 11-20 ปี กว่า 2.4 ล้านโดส การตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับด้วยการตรวจปัสสาวะในกลุ่มเสี่ยง อายุตั้งแต่ 15-39 ปี การตรวจคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีด้วยวิธีอัลตร้าซาวด์ในกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป รวมทั้งการตรวจยืนยันด้วย CT/MRI กรณีสงสัยเป็นมะเร็งท่อน้ำดี

 

 

5.สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร แม้ไม่ใช่ภารกิจโดยตรงของ สปสช. แต่ สปสช. จะมีการพัฒนาชุดข้อมูลมาตรฐานสำหรับการเบิกจ่าย การรับข้อมูลโดยเชื่อม API กับคลาวด์กลางของผู้ให้บริการ เพื่อลดภาระการบันทึกข้อมูล การสนับสนุนการประสานหาเตียงและส่งต่อผู้ป่วยโดยสายด่วน สปสช. 1330 การจัดกลไกหารือร่วมกับผู้ให้บริการก่อนขยายสิทธิประโยชน์ และการสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการจัดคิวและนัดหมายเข้ารับบริการ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล

 

6. การแพทย์ปฐมภูมิ จะมีการจัดงบประมาณสนับสนุนนวัตกรรมบริการรูปแบบใหม่ๆ สำหรับบริการปฐมภูมิ ต่อยอดนโยบายปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ สนับสนุนบริการนัดคิวออนไลน์และบริการ Telehealth บริการตรวจเลือดใกล้บ้าน บริการรับยาใกล้บ้าน และสนับสนุนการจัดตั้ง Health station นอกหน่วยบริการ เช่น ในห้างสรรพสินค้า วัด โรงเรียน โรงงาน เป็นต้น

 

7. สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ จะสนับสนุนการจัดบริการเชิงรุกเพื่อเพิ่มการเข้าถึงในกลุ่มเปราะบางสนับสนุนงบแก่โรงพยาบาลในพื้นที่กันดาร เสี่ยงภัย และจังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารธุรกรรมการเบิกจ่ายสำหรับกองทุนบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ/กองทุนหลักประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว

8. สถานชีวาภิบาล สนับสนุนการตั้งสถานชีวาภิบาลโดยท้องถิ่นทุกตำบล รวมทั้งบูรณาการการดูแลผู้ป่วย Long term care และ Palliative care ของท้องถิ่น รัฐ และเอกชน เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการดูแลที่บ้านหรือในชุมชนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

9.ด้านการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย สนับสนุนการจัดบริการ CR/MRI ที่โรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย สนับสนุนการจัดบริการ Stroke & STIMI Mobile Unit และ Sky doctor เพื่อให้ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองได้รับยาทันเวลาตามมาตรฐาน

 

10.ดิจิทัลสุขภาพ สปสช. จะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ ในการพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลผ่าน API เพื่อสนองนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรีได้ทุกที่ ประชาชนเลือกหมอและโรงพยาบาลเองได้ รวมทั้งประชาชนใช้ประโยชน์ข้อมูลสุขภาพของตนเอง

 

11. ส่งเสริมการมีบุตรยาก จะจัดงบประมาณรองรับบริการที่จำเป็นด้านแม่และเด็ก เพื่อให้เด็กแรกเกิดทุกรายได้รับการตรวจคัดกรองโรคพันธุกรรมเมตาบอลิก และตรวจคัดกรองการได้ยิน เพื่อให้เด็กที่มีความความผิดปกติได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็วทันเวลา การร่วมมือกับท้องถิ่นใช้งบจากกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กปท.) สนับสนุนโครงการป้องกันเด็กจมน้ำ รวมทั้งพัฒนาสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมการมีบุตรและรักษาภาวะมีบุตรยาก

 

 

12. เศรษฐกิจสุขภาพ สปสช. สนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์จากบัญชีนวัตกรรมไทยเพื่อลดการนำเข้า และขับเคลื่อนมาตรการ Demand induced supplier เพื่อจูงใจการลงทุนอุตสาหกรรมทางการแพทย์จากต่างประเทศ

 

13.นักท่องเที่ยวปลอดภัย โดยร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายความครอบคลุมการประกันสุขภาพภาคบังคับสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

“ทั้ง 13 นโยบาย เพื่อยกระดับ "บัตรทอง 30 บาท" ของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นพ.ชลน่าน สปสช. ได้มีการจัดทำแผนเพื่อสนับสนุน ทั้งในส่วนของงบประมาณ การดำเนินการ รวมถึงการจัดทำระบบต่างๆรองรับ เพื่อให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายในการดูแลสุขภาพให้กับคนไทยทุกคน โดยบอร์ด สปสช. ได้รับทราบ และ สปสช. จะเร่งดำเนินการโดยเร็ว” เลขาธิการ สปสช. กล่าว