ชายชาวไต้หวันติดเชื้อเอชพีวีที่ดวงตา ปาก มือ และเท้า มีหูดคล้ายดอกกระหล่ำ คาดติดที่ห้องซาวน่า วิจัยชี้เชื้อเอชพีวี พบได้ในที่สาธารณะ
"สื่อ PTS" รายงานว่า ชายชาวนครเกาสง ประเทศไต้หวัน ได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่า "ติดเชื้อเอชพีวี" (human papillomavirus - HPV) ที่ดวงตา ขณะเดียวกันก็พบที่ช่องปากและมือเท้าด้วย โดยแพทย์สันนิษฐานว่า น่าจะติดจากซาวน่า หรือห้องน้ำสาธารณะ บริเวณตามีหูดลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ แตกต่างจากบริเวณทั่วไปของโรคนี้ที่เคยพบก่อนหน้านี้ และยังพบที่มือ ขา และปาก
ชายคนนี้ เล่าว่า มีการป้องกันระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง แม้ว่าจะยังไม่สามารถระบุแหล่งติดเชื้อได้ แต่สงสัยว่าอาจ "ติดเชื้อเอชพีวี" จากห้องอบซาวน่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบทความต่างประเทศชี้ว่า ห้องน้ำสาธารณะ และซาวน่า ล้วนพบเชื้อ "HPV" แพร่กระจายอยู่ ขณะที่สภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น บันไดเลื่อน หรือปุ่มกดในลิฟต์ ก็มีเชื้อไวรัสเกือบ 90% เป็นต้น
"หงฉี่ถิง" ผอ.คลินิก Dr.Yang Laser Alliance บอกว่า สภาพแวดล้อมภายนอก มีความเป็นไปได้สูงสุด มีโอกาส "ติดเชื้อเอชพีวี" ถึง 90% และไวรัสมันอยู่รอบตัวเรา ไวรัสมีชีวิตอยู่ได้ 30 นาที
"หงฉี่ถิง" เล่าต่อว่า แม้เชื้อ "HPV" ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก แต่จากข้อมูลต่างประเทศพบว่า ตรวจพบไวรัส "HPV" ในห้องน้ำสาธารณะ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กรณี "ติดเชื้อเอชพีวี" ในต่างประเทศ พบว่า ติดเชื้อจากห้องน้ำสาธารณะ 20% ห้องซาวน่า 10% ราวบันไดเลื่อน ปุ่มลิฟต์ 90% จึงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังมากขึ้น
"หากมีบาดแผลอาจ "ติดเชื้อเอชพีวี" ได้ง่าย ควรหมั่นล้างมือ ฆ่าเชื้อเป็นประจำ แม้ว่าไวรัส "HPV" อาจพบได้รอบตัว แต่อย่าวิตกกังวลจนเกินไป ร่างกายมนุษย์ก็มีภูมิคุ้มกัน เว้นแต่มีบาดแผลก็อาจติดเชื้อได้ง่าย แต่การหมั่นล้างมือและฆ่าเชื้อเป็นประจำก็ป้องกันได้" "หงฉี่ถิง" รุ
ะบุ
ทางการไทยมีงานวิจัยยืนยันว่า เชื้อไวรัส "HPV" พบได้ในที่สาธารณะ โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และหน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยผลการตรวจพบไวรัส HPV ในที่สาธารณะ พบที่ด้ามกดชักโครกในห้องน้ำหญิงโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ก๊อกน้ำล้างมือที่ติดกับอ่างล้างมือในห้องน้ำชายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำหญิงและที่รองนั่งโถส้วมในห้องน้ำชายในสถานบันเทิง (ผับ) แห่งหนึ่ง
ไวรัส "HPV" เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ไวรัสนี้ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์แม้เพียงการสัมผัสภายนอก โดยมากจะพบการ "ติดเชื้อเอชพีวี" หลังจากเริ่มมีเพศสัมพันธ์ใน 2-3 ปีแรก วัย 18-28 ปี คือช่วงอายุที่พบการติดเชื้อสูงสุด
ผู้ที่ "ติดเชื้อเอชพีวี" จะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ให้ทราบ จึงหมายถึงการที่อาจกลายเป็นผู้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน แต่ปกติแล้วร่างกายคนเราจะมีกลไกในการกำจัดเชื้อไวรัสเอชพีวีออกไปได้เอง แต่ในบางกรณีที่กำจัดไม่ได้ ไวรัสก็จะพัฒนาต่อไป และทำให้เกิดโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปากมดลูกได้
หูดหงอนไก่ มะเร็งองคชาต และมะเร็งทวารหนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง