ชีวิตดีสังคมดี

ผลงาน 1 ปี "ชัชชาติ" ชู เส้นเลือดฝอยโดดเด่น ปี 67 พร้อมทำงบประมาณฐานศูนย์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผลงาน 1 ปี "ชัชชาติ" ชูนโยบานเส้นเลือดฝอยโดดเด่นแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯแบบถึงลูกถึงคน วางงบประมาณปี 67 ไว้ 9 หมื่นล้าน พร้อมทำงบประมาณฐานศูนย์ทันที

  • 1 ปี ของการทำงาน ยังคงเน้นเส้นเลือดฝอย หัวใจคือความโปร่งใส พร้อมเดินหน้าทำกรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน

นาย "ชัชชาติ" สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชกากรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการทำงานในตำแหน่งผู้ว่า กทม. ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาว่า  สำหรับระยะเวลาการทำงานเกือบ 1 ปี นโยบายที่เราพูดถึงมาโดยตลอดคือเรื่องเส้นเลือดฝอย เพราะเชื่อว่ากรุงเทพมหานครจะดีได้ต้องเริ่มที่เส้นเลือดฝอยซึ่งลงไปยังชุมชน ซึ่งต้องร่วมไปกับโครงการเส้นเลือดใหญ่ จึงจะสามารถทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยนโยบายเส้นเลือดฝอยที่เราทำและเห็นได้ชัดเจนคือ Traffy Fondue เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของราชการที่เมื่อก่อนราชการอาจจะไม่ได้สนใจข้อเรียกร้องของประชาชนมากนัก ทั้งที่ประชาชนคือผู้ที่รู้ปัญหาในพื้นที่ได้ดี 

 

 

เมื่อเรานำระบบ Traffy Fondue มาใช้อย่างเอาจริงเอาจัง จึงเป็นการเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้ข้าราชการไม่ต้องมาสนใจผู้ว่าฯ แต่สนใจแค่การบริการประชาชน การเอาใจใส่ประชาชน เพราะผู้ว่าฯ เองก็ใส่ใจการให้บริการประชาชนมากกว่าเช่นกัน ทั้งนี้ ในช่วงแรกไม่ได้คิดว่าจะสำเร็จขนาดนี้ ปัจจุบันมีเรื่องแจ้งมาทั้งหมด 285,771 เรื่อง แก้ไขแล้วเสร็จ 206,844 เรื่อง เป็นของหน่วยงานอื่น 61,870 เรื่อง กำลังดำเนินการอยู่ 8,911 เรื่อง นับเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการประชาชน ทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นอย่างไร้รอยต่อ เป็นการทลายไซโล (Silo) ที่เมื่อก่อนต่างคนต่างทำ 

สิ่งนี้เป็นตัวเชื่อมที่ทำให้ทุกหน่วยงานสามารถเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อนาคตเชื่อว่าจะมีการขยายผลใช้งานไปทั่วประเทศต่อไป ในส่วนของกรุงเทพมหานครก็ได้ขยายผลแล้ว โดยใช้ Traffy Fondue เป็นช่องทางการรับแจ้งเบาะแสเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เพราะสิ่งที่เราเน้นมาตั้งแต่ต้นคือเรื่องของความโปร่งใสซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกับเรา จึงได้เน้นย้ำว่าเราต้องเปิดเผยข้อมูล เอาจริงเอาจังกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งก็เริ่มเห็นผลแล้ว โดยได้มีคณะกรรมการ คณะทำงานที่ลงไปดำเนินการอย่างเข้มข้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เราคิดว่าทำได้ดี 

 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

"ชัชชาติ"  ระบุต่อว่า สำหรับนโยบายเส้นเลือดฝอย 216 นโยบาย เราเริ่มไปแล้วประมาณ 190 กว่าเรื่อง อีกประมาณ 20 เรื่อง กำลังทบทวนว่าเป็นสิ่งที่ทันสมัยหรือไม่ ยังจำเป็นหรือไม่ หลายโครงการที่เราได้ดำเนินการไปเป็นเรื่องที่อาจจะเห็นไม่ชัด แต่แฝงอยู่ในชีวิตของประชาชน เช่น การขุดลอกท่อระบายน้ำ/คูคลอง การปรับระบบการศึกษา การเปลี่ยนหลอดไฟที่ดับ เปลี่ยนไฟเป็นหลอด LED เป็นต้น ซึ่งเราดำเนินการมาค่อนข้างเยอะ และยังคงเดินหน้าทำตามนโยบายที่ให้ไว้ เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน หลาย ๆ โครงการเราได้งบประมาณมา ทั้งการปรับปรุงทางเท้า นำสายสื่อสารลงดิน ต่อไปก็จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น

 

 

ในส่วนของความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขไฟฟ้าส่องสว่างดับและการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเป็น LED ซึ่งกรุงเทพมหานครมีไฟฟ้าที่รับผิดชอบอยู่ 1 แสนกว่าดวง เพื่อให้รับทราบข้อมูลที่แน่นอนและถูกต้อง จึงได้มีการประสานการไฟฟ้านครหลวงเพื่อให้ทราบว่าจริง ๆ แล้วมีไฟฟ้าส่องสว่างที่กรุงเทพมหานครดูแลอยู่กี่ดวง จะได้วางแผนดำเนินการได้แม่นยำชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบันสำรวจไฟฟ้าส่องสว่างไปทั้งสิ้น 147,566 ดวง แก้ไขแล้ว 28,014 ดวง ยังดับ 165 ดวง 

 

 

ผลการติดตั้ง LED IOT มีดังนี้ 120W จำนวน 4,419 ดวง แล้วเสร็จ 207 ดวง (ถนนพระรามที่ 4 ถนนอังรีดูนังต์ ซอยรางน้ำ ถนนเทิดราชัน) 150W จำนวน 746 ดวง แล้วเสร็จ 746 ดวง (ถนนพระรามที่ 4 ถนนราชวิถี ถนนราชปรารภ ถนนราชดำริ ถนนเพลินจิต ถนนนวมินทร์ ถนนบางขุนเทียนชายทะเล ถนนนิมิตใหม่ ถนนรัชดา) และ 50W จำนวน 20,000 ดวง แล้วเสร็จ 4,434 ดวง 

 

 

ด้านการติดตั้งโคมไฟริมคลองแสนแสบ รวม 1,285 โคม อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,134 โคม แล้วเสร็จ 151 โคม ส่วนโคมไฟริมคลองบางลำพู รวม 208 โคม อยู่ระหว่างดำเนินการ 70 โคม แล้วเสร็จ 138 โคม

 

  • ปี 2567 เตรียมทำประมาณฐานศูนย์เกลี่ยงบใหม่ทุกสำนัก 

นอกจากนี้นายชัชชาติ ได้ระบุถึงแนวทางการจัดสรรงบประมาณในปี 2567 สำหรับหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหาคร โดยระบุว่า งบประมาณของปี 67 ซึ่งอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท โดยทำเป็นงบแบบสมดุล ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายจะเป็นโครงการหลากหลายด้านทั้งเส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดใหญ่ ภายใต้นโยบาย Zero Based Budgeting หรืองบประมาณแบบฐานศูนย์ คือการปรับทุกอย่างให้เป็นศูนย์ก่อน โดยกรุงเทพมหานครได้นำโครงการเก่ามาดูและพิจารณาว่าคุ้มหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มหรือไม่จำเป็นก็จะไม่นำโครงการเดิมมาทำ หากจำเป็นจริง ๆ หรือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ก็ค่อยใส่เข้ามา ซึ่งเป็นแนวคิดหนึ่งที่ทำให้เราใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้จะต้องนำเข้าสภากรุงเทพมหานครอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

จากที่ได้ติดตามอ่าน MOU ซึ่งทางกลุ่มที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลวางแนวทางไว้ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายใครจะเป็นรัฐบาล แต่เบื้องต้น นโยบายในหลาย ๆ ด้านของกรุงเทพมหานครและสิ่งที่เราดำเนินการอยู่นั้นมีความสอดคล้องกับ MOU ดังกล่าว ทั้งในแง่ของความโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจในการทำงาน การใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงกระบวนการให้ดีขึ้น การทำ Zero Based Budgeting เป็นต้น อย่างไรก็ดี เราสามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ เพราะเราเป็นหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งต้องทำตามรัฐบาลกลางอยู่แล้ว

 

 

ขณะนี้ก็มีนโยบายหลายเรื่องที่เตรียมจะนำเรียนรัฐบาลใหม่ เช่น เรื่อง PM 2.5 ที่ต้องลงมืออย่างใกล้ชิด โดยนำแผนแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาใช้อย่างจริงจัง ซึ่งต้องร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวคิดเรื่องท่าเรือคลองเตยในอนาคต หรือแม้กระทั่งการนำพื้นที่สาธารณะ เช่น ใต้ทางด่วน/ทางรถไฟ มาทำเป็นลานกีฬา สถานที่ปลูกต้นไม้  การนำพื้นที่ราชการต่าง ๆ ที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ มาทำสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว  การบริหารจัดการขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะในเมือง ตลอดจนเรื่องค่าครองชีพ  หากรัฐบาลใหม่เห็นด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ดี และหากเราหาแนวทางร่วมกันได้ดี สุดท้ายก็จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ