ชีวิตดีสังคมดี

มองหาเสียงหลัง 'เลือกตั้ง' ปล่อยหมัดฮุคใส่อารมณ์ โกยคะแนนชนะน็อคแบบขาดลอย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิเคราะห์แคมเปญ 2 พรรคหาเสียงหลัง 'เลือกตั้ง' พรรคส้มปล่อยหมัดฮุกจับอารมณ์จนโกยคะแนนแบบขาดลอย แซงพรรคแดงทิ้งคะแนนห่าง ใช้ความชัดเจนในวลีเด็ดจับใจโหวตเตอร์

ปรากฎการณ์โกยคะแนนเสียงของพรรคการเมืองที่มีจุดเริ่มต้นจากโซเชียล จนสามารถแปรคะแนนดังกล่าวให้กลายเป็นคะแนนจริงในช่วง "เลือกตั้ง" ที่ผ่านมา สร้างแรงกระเพื้อมในสนามการเมืองค่อนข้างมาก ก่อนหน้าที่เราจะไม่เคยจินตนาการณ์หรือคิดมาก่อนว่า พลังในโซเชียล หรือการทำแคมเปญเลือกตั้งบนโลกออนไลน์จะมีพลังงานมากมายมหาศาลได้ขนาดนี้ 

 

 

จนวันที่พรรคก้าวไกลประกาศชัยชนะหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการ โดยได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากถึง 14.2 ล้านคะแนน คะแนนอันท่วมท้นจากประชาชนได้ฉายภาพการทำแคมเปญหาเสียงผ่านโซเชียลออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในยุค เพราะไม่ว่าจะเป็นคน GEN ไหนก็สามารถเข้าถึงโซเชียลได้กันทั้งหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่การแข่งขันในสนามการเมือง จะขึ้นมาโลดแล่นพบนแพลตฟอร์มออนไลน์

  • กลยุทธ์โค้งสุดท้ายสำคัญ ชี้เป็นชี้ตายโกยคะแนนเสียง 

คมชัดลึก ได้มีโอกาสสัมภาษณ์  นายประกิต กอบกิจวัฒนา ครีเอทีฟและทีมกลยุทธ์ของชัชชาติ ถึงปรากฎการณ์แคมเปญหาเสียง "เลือกตั้ง" ผ่านโซเชียลที่สามารถน็อคคู่แข่งได้ในหมัดเดียว ว่า แคมเปญหาเสียงแน่นอว่าไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการวางกลยุทธ และการออกแบบวิธีการทั้งนั้น  หากวิเคราะห์การทำแคมเปญหาเสียงในช่วงแรกของการเลือกตั้งตนมองว่า ทุกคอนเทนต์ ทุกแคมเปญ และวิธีการต่างๆ ของพรรคก้าวไกลถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นจังหวะจะโคน  แต่ในขณะเดียวกับพรรคเพื่อไทยมีความประมาทมากจนเกินไปและทิ้งพื้นที่หาเสียงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ไปค่อนข้างมาก ทั้งๆ ที่ในโลกออนไลน์มีฐานแฟนคลับของเพื่อไทยมาตลอด จึงทำให้แผ่วไปบ้างในโค้งสุดท้าย ทั้งที่ช่วงแรกที่มีกาเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายก การเสนอนโยบายสำหรับ LGBTQ+ ช่วงนั้นพรรคก้าวไกลยังเป็นรองพรรคเพื่อไทยอยู่มาก รวมไปถึงกระแสนางแบกที่ไปตบตีกับชาวทวิตเตอร์ ซึ่งอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนที่กำลังลังเลตัดสินใจโยนคะแนนให้กับพรรคก้าวไกล

 

 

 นายประกิต กอบกิจวัฒนา

 

 

 

ในขณะที่พรรคก้าวไกลใช้โอกาสในทุกครั้งที่มีการดีเบต หรือการลงพื้นที่ โดยการนำคอนเทนต์เหล่านั้นมาขยี้ในแพลตฟอร์มออนไลน์อีกครั้งจนทำให้กระแสแรง และเกิดความไวรัลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คนที่ติดตามพรรคก้าวไกลจากออนไลน์มาสู่ออนกราวด์ ซึ่งการวางยุทธศาสตร์ในโค้งสุดท้ายของการหาเสียง "เลือกตั้ง" จึงเป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย ว่าจะสามารถจับใจโหวตเตอร์ได้มากแค่ไหน ต้องยอมรับว่าพรรก้าวไกลวางแผนการหาเสียงในช่วงสุดท้ายของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไว้อย่างดีมาก  

 

บรรยากาศการหาเสี่ยงของพรรคก้าวไกลในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา

 

นอกจากนักการตลาดยังมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยว่าหากมองที่ตัวบุคคลพรรคก้าวไกลมีซูปเปอร์สตาร์ตัวเด่นมากกว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่แค่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายก เท่านั้น แต่ยังมี สส. หน้าใหม่คนอื่นๆ ที่มีความโด่ดเด่นและมีความน่าสนใจทั้งลีลาการปราศัยหาเสียง วิธีการลงพื้นที่ที่เรียกว่าเข้าถึงลูกถึงคน  ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขณะนี้ประชาชนทุกเจนเนอร์เรชันชีวิตยึดโยงอยู่กับโลกโซเชียลเป็นส่วนใหญ่  ดังนั้นคะแนนแสียงที่ก้าวไกลได้มาก 14 ล้านกว่าจึงไม่ได้มีแค่คนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังมีคนตั้งอายุ 40 ปีขึ้นไไปอีกจำนวนมากที่โหวตให้กับพรรคก้าวไกล 

 

บรรยากาศการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา

 

  • จับความรู้สึกของประชาชน เปลี่ยนเป็นแคมเปญ หาวิธีแก้ปัญหาจนน็อคคู่แข่งได้ 

โค้งสุดท้ายของหาเสียงผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งออนไลน์ ทีวี โซเชียลมีเดียเป็นช่วงสำคัญ และยังถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในการตัดสินใจของโหวตเตอร์ โดยประกิต อธิบายไว้อย่างชัดเจนถึงการวางกลยุทธ์ในโค้งสุดท้ายของพรรคก้าวไกลเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า จากการติดตามข้อมูลทำให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเริ่มออกตัวนำพรรคอื่นๆ ด้วยการวางคอนเทนต์ที่เหมาะกับคนในแต่ละช่วงวัย รวมทั้งพรรคก้าวไกลสามารถจับความรู้สึกของคนไทยในขณะนั้นได้ว่าคนไทยเริ่มอยากเปลี่ยน เพราะอดทนกับระบบการปกครองแบบเติมๆ มานานมาก ดังนั้นเราจึงจะเห็นว่า ช่วงท้ายในการหาเสียงก้าวไกลไม่พูดเรื่องตัวเลข เรื่องเศรษฐกิจเลย แต่มีการหาวลีเด็ดอย่างคำว่า "มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง" มาขยี้ซ้ำๆ ในทุกๆ เวทีดีเบต และทุกพื้นที่ที่พรรคก้าวไกลไปหาปราศรัย  หลังจากที่พรรคก้าวไกลจับอารมณ์ความรู้สึกของคนได้แล้ว จึงพลิกอารมณ์มาเป็นแคมเปญการหาเสียง พร้อมกับหาทางออกให้กับความรู้สึกนึกคิด ความรู้ของประชาชนจึงทำให้ยกสุดท้ายพรรคก้าวไกลน็อคคู่แข่งจากพรรคอื่นๆ ได้สำเร็จ 

 

 

หากวิเคราะห์ผลงานการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างมากก้าวไกลมีความชัดเจน และจับความรู้สึกของคนไทยเก่งมาก รู้ว่าเวลานี้คนไทยต้องการอะไร ความชัดเจนในช่วงสุดท้ายจึงเอาชนะใจโหวตเตอร์ได้ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีความชัดเจนมากพอว่าเกมการเมืองครั้งนี้จะตัดนักการเมืองบางคนออกไปจากเกมได้หรือไม่ จึงส่งผลให้คนที่อยากเห็นความเปลี่ยนตัดสินใจมาเลือกพรรคก้าวไกลเยอะขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่นิวโหวตเตอร์ เพราะมีจำนวน 5 ล้านเสียงเท่านั้น นั้นเท่ากับว่าส่วนที่เหลือเป็นประชาชนกลุ่ม Gen Y ที่ตลอดเกือบ 10 ปีต้องอยู่กับการปกครองแบบเดิมๆ 

 

 

  • ส่องพรรคไหนใช้เม็ดเงินยิงแอดมากที่สุดในช่วง "เลือกตั้ง" ที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตามในช่วงการหาเสียง "เลือกตั้ง" เฟซบุ๊กส่องสื่อ - Songsue ได้สรุป 10 พรรคการเมืองที่ใช้เงินยิงโฆษณาบน Facebook มากที่สุด โดยเป็นการสำรวจข้อมูลจาก  Meta Ads ที่เก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. – 25 เม.ย. 2566 โดยแต่ละพรรคมีการใช้เงินดังนี้  

1.พรรคเปลี่ยน 1,546,584 บาท 
2.รวมไทยสร้างชาติ 437,320 บาท
3.ประชาธิปัตย์ 146,829 บาท
4.ไทยสร้างไทย 143,734 บาท 
5.พรรคเพื่อไทย 133,615 บาท 
6.พรรคเส้นด้าย 38,345 บาท 
7.ไทยภักดี 18,967 บาท 
8.พรรคภูมิใจไทย 12,664 บาท
9.ถิ่นกาขาวชาววิไล 10,500 บาท 
10.พรรคก้าวไกล 0 บาท 

 

10 พรรคยิงแอดบนเฟซบุ๊ก

 

 

หลังการ "เลือกตั้ง" เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมาทางเพจได้มีการสรุป 10 พรรคการเมืองที่ใช้เงินยิงโฆษณาอีกครั้งในช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้ายเป็นการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 12 ก.พ.-12 พ.ค. 2566 โดยครั้งนี้ยังพบว่า แต่ละพรรคทุ่มเม็ดเงินไปกับการยิงแอดเพื่อให้นโยบายพรรคของตัวเองเข้าถึงประชาชนเพิ่มอีก โดยมีพรรคการเมืองที่ใช้เงินยิงแอดมากที่สุด ดังนี้  

1.พรรคเปลี่ยน 8,486,957 บาท
2.พรรคไทยสร้างไทย  1,181,810 บาท
3.พรรคชาติพัฒนากล้า 663,444 บาท 
4.รวมไทยสร้างชาติ 571,038 บาท 
5.พรรคเพื่อไทย 540,603 บาท 
6.พรรคพลังธรรมใหม่ 287,361 บาท
7.ประชาธิปัตย์ 163,562 บาท
8.พรรคภูมิใจไทย 150,102 บาท 
9.พรรคเส้นด้าย  109,737 บาท
10.ไทยชนะ 75,265 บาท 

 

หาเสี่ยงผ่านเฟซบุ๊ก

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ