'เปิดเทอม 2566' เปิดปัจจัยค่าใช้จ่ายพุ่ง พ่อแม่อยากเห็นการศึกษาเท่าเทียม

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้จัดทำการสำรวจการเตรียมความพร้อม พฤติกรรมในการใช้จ่ายเพื่อการศึกษา "เปิดเทอม 2566" ของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียน โดยในปี 2566 คาดว่าจะมีนักเรียนระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวนประมาณ 10.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 0.9% จากปี 2565 ซึ่งในช่วงการเปิดภาคการศึกษาใหม่ของทุกปี 

 

 

ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียนจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาที่สูงทั้งค่าธรรมเนียมการศึกษา เช่น ค่าเทอม ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าบำรุง และค่ากิจกรรม ค่าเรียนกวดวิชา ค่าใช้จ่ายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนใหม่ รวมถึงปัญหาของระบบการศึกษา และมุมมองที่อยากเห็นระบบการศึกษาไทยพัฒนาต่อไปในระยะข้างหน้า 

 

 

• "เปิดเทอม 2566" พ่อแม่กังวลค่าใช้เพิ่มขึ้นสวนทางเศรษฐกิจ

ผลสำรวจของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นมากนัก รายได้ยังไม่เหมือนเดิม ขณะที่ภาระรายจ่ายในชีวิตประจำวันปรับตัวสูงขึ้น และผลสำรวจยังพบว่า ผู้ปกครองกว่า 68.5% แสดงความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในช่วง เปิดเทอม2566 นี้ 

 

โดยกลุ่มที่มีความกังวลส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง โดยกลุ่มนี้จะมีรายได้ต่ำกว่า 40,000 บาทต่อเดือน และมีบุตรหลานในวัยเรียนมากกว่า 1 คน ผู้ปกครองส่วนใหญ่เลือกที่จะรับมือกับปัญหาด้วยการประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเพื่อการศึกษา สำหรับผู้ปกครองที่มีรายได้และเงินออมไม่เพียงพอเพื่อนำมาชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา รวมถึงใช้จ่ายในการซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนและที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียน จำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินจากการยืมญาติ/เพื่อน สินเชื่อจากสถาบันการเงิน โรงรับจำนำ รวมถึงการขอผ่อนผันหรือผ่อนชำระกับทางโรงเรียน 

 

 

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในช่วง เปิดเทอม 2566 ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล นี้ น่าจะมีมูลค่าประมาณ 28,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5.0% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 

 

• ปัจจัยทำค่าใช้จ่ายผู้ปกครองเพิ่มขึ้นในช่วง "เปิดเทอม 2566"

 

การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษา จากผลสำรวจ พบว่า โรงเรียนเอกชนบางแห่งมีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าเทอม รวมไปถึงค่ากิจกรรมพิเศษ ซึ่งเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 4.8% จากผลสำรวจในปีที่ผ่านมาหรือมีมูลค่า 23,800 ล้านบาท จำนวนดังกล่าวไม่ได้มีการคำนวณในส่วนของโรงเรียนรัฐและเอกชน ไม่รวมโรงเรียนนานาชาติ

 

ค่าใช้จ่ายชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนและที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียน เนื่องจากราคาสินค้าปรับขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ผู้ปกครองมีการปรับพฤติกรรมในการซื้อสินค้า ส่วนใหญ่ซึ้อสินค้าในช่วงที่มีการจัดโปรโมชั่นลดราคา ซื้อสินค้าที่มีราคาไม่สูง และบางกลุ่มเลือกซื้อเท่าที่จำเป็น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าค่าใช้จ่ายชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนและที่เกี่ยวเนื่องกับการเรียนเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 8.0% จากผลสำรวจในปีที่ผ่านมา หรือมีมูลค่า 2,700 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในช่วง เปิดเทอม 2566  ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล นี้ น่าจะมีมูลค่าประมาณ 28,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5.0% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 

 

 

จากผลสำรวจ ความคาดหวังที่จะเห็นนโยบายในการพัฒนาการศึกษาของไทยของพรรคการเมืองต่างๆ พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่รับรู้ถึงนโยบายด้านการศึกษาแต่มองว่านโยบายยังไม่ชัดเจนและอยากให้ปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาระบบการศึกษาได้ตรงจุด 

 

 

 

• ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องการเห็นนโยบายการศึกษาที่ชัดเจน ลดเหลื่อมล้ำ  

นอกจากนี้มุมมองของผู้ปกครองที่อยากเห็นการพัฒนาการศึกษาในอนาคต ส่วนใหญ่มองไปในเรื่องของการพัฒนาหลักสูตรการเรียนและเนื้อหาของบทเรียนให้ทันสมัย หรือสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต พัฒนาทักษะเพื่อการประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์ การช่วยเหลือตนเอง วิชาเรียนที่สามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริง 

 

นอกจากนี้ ภาครัฐควรมีการลงทุน พัฒนาระบบการศึกษาให้มีความเท่าเทียมระหว่างในเมืองและชนบท รวมถึงการลงทุนในเครื่องมือการเรียนการสอน เครื่องคอมพิวเตอร์/ ห้องปฏิบัติการ ให้เพียงพอและทันสมัย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางคุณภาพการศึกษาระหว่างในเมืองและชนบทที่ยังสูง และให้นักเรียนในชนบทได้เรียนรู้เท่ากับนักเรียนในเมือง เนื่องจากการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุตรหลาน ผู้ปกครองบางรายต้องประหยัดค่าใช้จ่ายหรือเป็นหนี้เพื่อที่จะส่งบุตรหลานให้ได้เรียนในโรงเรียนที่ดีมีคุณภาพ เพื่อให้ได้งานทำและมีรายได้สูงในอนาคต