ชีวิตดีสังคมดี

'นันยาง' ประกาศจุดยืน ยุติปัญหาการ 'บูลลี่' ใน รร.ด้วยแคมเปญ 'BULLY NO MORE'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นันยาง" ย้ำภาพผู้นำตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียน ประกาศจุดยืนพร้อมเป็นแนวร่วมเด็กไทยทุกคน ยุติปัญหาการ "บูลลี่" ในโรงเรียนให้หมดไปด้วยแคมเปญ "BULLY NO MORE"

นันยาง เจาะลึกอินไซต์เด็กนักเรียนไทย พบว่าฝันสูงสุดคือต้องการหยุดปัญหาและพฤติกรรม การบูลลี่ในโรงเรียน ให้หมดไป หลังกรมสุขภาพจิตเผย ไทยกลายเป็นประเทศที่มีปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก 600,000 คนที่ถูก บูลลี่ นันยาง จึงเดินหน้าประกาศจุดยืนเป็นแนวร่วมเด็กไทยยุติปัญหาด้วยแคมเปญ "BULLY NO MORE"

  

 

ดร.จักรพล จันทวิมลอ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บจก.นันยางมาร์เก็ตติ้ง

 

ดร.จักรพล จันทวิมลอ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บจก.นันยางมาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า นันยางคาดว่าตลาดรวมในปี 2566 จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะกำลังซื้อเริ่มกลับมาหลังจากการประกาศให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ผู้คนกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ และเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเกิดความคล่องตัวเพิ่มขึ้นกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมามาก 

 

 

ซึ่งสัญญาณบวกเหล่านี้จะหนุนให้ตลาดรองเท้านักเรียนของไทยในปีนี้ กลับมาคึกคักรับช่วงเปิดเทอมใหม่ในเดือนพฤษภาคมนี้ได้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าในปีนี้ รองเท้าผ้าใบนักเรียนของ   นันยางจะมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 8-10% ซึ่งเติบโตสูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 3-5% 

 

แคมเปญ "BULLY NO MORE"

 

แคมเปญ "BULLY NO MORE"


ทั้งนี้ แคมเปญ "BULLY NO MORE" ที่ นันยาง ได้สร้างสรรค์ขึ้นในปีนี้นั้น มีกิจกรรมในแคมเปญมากมาย โดยในปีนี้ นันยางได้จัดทำสื่อที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับคำขอโทษจากนันยาง ที่ไม่เพียงแต่ต้องการแสดงให้สังคมเห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ นันยาง ได้เคยสื่อสารไปในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจมีเนื้อหาบางส่วนเข้าข่ายการ บูลลี่ โดยไม่ได้ตั้งใจ และการออกมาขอโทษของเราในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะจุดประกายแนวคิดให้แก่นักเรียนที่เคยมีพฤติกรรมการ บูลลี่ คนอื่น ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามได้เกิดการฉุกคิดและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องนี้เช่นเดียวกับนันยางตระหนักถึง

 

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา รองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่นพิเศษ Nanyang "BULLY NO MORE" Special Edition ที่สละพื้นที่โลโก้ นันยาง บนรองเท้า ให้เป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ "BULLY NO MORE" เพื่อประกาศจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจน พร้อมเชิญชวนนักเรียนทั่วประเทศมาเป็นแนวร่วมทุกครั้งที่ได้เห็นข้อความบนรองเท้า

 

 

Nanyang "BULLY NO MORE" Special Edition

 

 

โดย นันยาง เปิดโอกาสให้นักเรียนนำรองเท้าคู่เก่ามาแลกรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ ซึ่งรองเท้าคู่เก่าของพวกเขา จะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงาน Art Installation ที่ประกอบขึ้นเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ "BULLY NO MORE"   

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะได้ทำการประทับรอยเท้าแสดงจุดยืนร่วมกันเป็นข้อความเชิงสัญลักษณ์ "BULLY NO MORE"  ที่จะทำให้จุดยืนการยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนนี้ค่อยๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และนันยางจะใช้โอกาสของการร่วมกันประกาศจุดยืนนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในการยุติปัญหาการ บูลลี่ ในโรงเรียนให้หมดไปผ่านแนวคิด ‘ย่ำให้เต็มที่ แต่ไม่ย่ำยีใคร’ 

 

 


ปัจจุบันตลาดรองเท้านักเรียนทุกประเภทในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท  หากพิจารณาเฉพาะตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียนพบว่า นันยางครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 43-44% ซึ่งในปี 2566 นอกจากรองเท้าผ้าใบไซส์ใหญ่ของนันยางที่สามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้นแล้ว

 

ดร.จักรพล จันทวิมลอ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บจก.นันยางมาร์เก็ตติ้ง

 

ดร.จักรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรองเท้านักเรียนไซส์เล็กให้มากขึ้นด้วย เช่นกันจากการรุกทำการตลาดของรองเท้าผ้าใบนักเรียนรุ่น นันยาง Have Fun ที่มีคุณสมบัติ เบา นุ่ม สบาย ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค ที่ปัจจุบันผู้ปกครองรู้จักเป็นอย่างดี และเป็นกระแสนิยมอย่างมากของกลุ่มเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ โดยมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี

 

 

ด้านช่องทางการขายต่างประเทศนั้น นันยางยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น จากกลยุทธ์การร่วมมือกับภาครัฐนำสินค้าไทยไปขยายตลาดในต่างประเทศ มีการออกบูธแสดงสินค้าในต่างประเทศ ส่งผลให้รองเท้าผ้าใบนันยางเป็นที่รู้จัก ในระดับสากลมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสำคัญอย่างในวงการกีฬาตะกร้อ และเทคบอลที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบันด้วย จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งใน Soft Power ของไทยในปัจจุบัน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ