ชีวิตดีสังคมดี

'เปิดเทอม 2566' นักเรียน ได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่ดี ครู ทำงานเอกสารน้อยลง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'เปิดเทอม 2566' นักเรียนไทย ควรมีสภาพแวดล้อมที่ดี โรงเรียนต้องลดภาระงานด้านเอกสารลง ส่องระบบการศึกษาในอนาคตทุกโรงเรียนจะเพิ่มโอกาส เพิ่มสิทธิให้เด็กไทยมากยิ่งขึ้น

ขยับเข้ามาใกล้ช่วง "เปิดเทอม 2566" กันอีกครั้ง ปีนี้เราคงหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของภาค การศึกษาไทย พอสมควร อาจจะเริ่มตั้งแต่ทรงผม เครื่องแบบนักเรียน หรือกฎบางกฎที่บางโรงเรียนเริ่มยกเลิกไป ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อการลดภาระผู้ปกครอง หรือการสร้างสิทธิอย่างเสมอภาคให้แก่นักเรียนก็แล้วแต่ 

 

 

 

แม้ว่าในช่วง  "เปิดเทอม 2566" เราอาจจะยังมองไม่เห็นความปลี่ยนแปลงด้าน ระบบการศึกษา หลักสูตร หรือแม้แต่ตัวบุคคลากรเอง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงเลยก็คือ การเปลี่ยนแปลงด้านกายภาพของโรงเรียน ที่จะต้องดีขึ้น และอำนวยความสะดวกให้แก่ นักเรียน มากกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ห้องน้ำ โรงอาหาร รวมไปถึงภาระงานด้านเอกสารของครูต้องลดน้อยลง 

 

 

โดย ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเพื่ออนาคต หรือ Think Forward Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายของ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับ คมชัดลึก ถึงจุดที่โรงเรียนจะต้องเร่งแก้ไขทันทีในช่วง เปิดเทอม 2566 ซึ่งเหลือระยะเวลาอีกประมาณ 1 เดือนเท่านั้น  โดยเฉพาะการแก้ไขด้านกายภาพสถานที่ภายในโรงเรียน  โดยเฉพาะห้องน้ำ เพราะจากการสำรวจเราพบว่า โรงเรียน โดยส่วนใหญ่ห้องน้ำไม่สะอาด เป็นจุดบอด และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ ประตูห้องน้ำไม่มีกลอนล็อก ทำให้นักเรียนไม่กล้าเข้าน้ำ บางคนอั้นปัสสาวะกลับไปเข้าห้องน้ำที่บ้าน เพราะโรงเรียนไม่อยากมีภาระ ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาด ดังนั้นปัญหาแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นกับนักเรียนในช่วง "เปิดเทอม 2566" อีก   

 

 

นักเรียนไทย

 

 

นอกจากปัญหาด้านกายภาพที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในโรงเรียนของนักเรียนแล้ว  "เปิดเทอม 2566" ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องปรับให้ทันคือ ภาระงานของครู โดยเฉพาะงานด้านเอกสาร  และงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับกับการสอน โดย ดร.เดชรัต อธิบาย ว่า ที่ผ่านมาเราพบว่าครูมีภาระหน้าที่อื่น ๆ มากมายนอกเหนือไปจากการสอน โดยเฉพาะงานเอกสาร กิจกรรมต่างๆ ที่จะต้องแบกภาระเพิ่มเติม ทำให้ไม่สามารถเตรียมการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นทางโรงดเรียนจะต้องลดภาระดังกล่าวของครูลง  

 

 

นอกจากนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับระบบการเช็กชื่อ ทำใบคะแนน ประวัติการเรียนการสอน โดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาให้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และลดขั้นตอนการทำงานลง โรงเรียนจะต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ครู  เพื่อลดเวลาในการกรอกคะแนน 

 

 

ทั้งนี้ ดร.เดชรัต ได้เสนอทางออกว่า งานเอกสารทั้งหมดที่ครูเคยทำอยู่นั้น ในช่วง "เปิดเทอม 2566" โรงเรียนอาจจะจ้างคนมาทำแทน โดยเฉพาะงานด้านธุรการ โดยโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอาจจะมีการรวมตัวกัน และให้เจ้าหน้าที่วนมาจัดการเอกสารให้  เพราะที่ผ่านมาครูจะต้องทำงานด้านเอกสารมากถึง 40% ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก 

 

 

ส่วนกรณีการปรับหลักสูตรใหม่ "เปิดเทอม 2566" อาจจะยังไม่สามารถดำเนินการได้ทัน แต่หากมีการเตรียมการไว้ตั้งแต่เทอมนี้ จะส่งผลให้ระบบการศึกษาไทยเกิดควาเมปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนซึ่ง ดร.เดชรัต กล่าวว่า ในอนาคตหากสามารถเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของครู หลักสูตร จะส่งผลดีต่อตัวนักเรียน โรงเรียน และครูเอง  โดยเฉพาะการกระจายอำนาจ การกระจายภาระหน้าที่ของครู ในโรงเรียนขนาดใหญ่ให้ครูสามารถเข้าไปสอนหนังสือเด็กๆ ในโรงเรียนขนาดเล็กได้ นอกจากนี้จะต้องแก้ปัญหาการยุบตำแหน่งที่เกษียณไปแล้ว ซึ่งเป็นช่องว่างที่ทำให้ครูขาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน   

 

 

รวมไปถึงการปรับหลักสูตรใหม่ เน้นการคิดวิเคราะห์ ที่เหมาะสมกับสมรรถภาพของวัยเรียน รวมไปทั้งการปรับหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ที่จะต้องเน้นการวิเคราะห์มากขึ้น ภาษาอังกฤษจะต้องเน้นการสื่อสารมากกว่าการท่องจำ 

 

 

"สิ่งสำคัญไม่แพ้กับการปรับหลักสูตรคือการดูแลนักเรียน เพราะปัจจุบันพบว่านักเรียนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้องมีครูที่ด้านจิตวิทยาที่เข้าใจนักเรียน  มีครูที่เป็นแนวหน้าสุขภาพจิตเปิดโอกาสให้นักเรียนได้พูดคุยโดยที่ไม่มีผู้ปกครองอยู่ด้วย เพราะบางครั้งนักเรียนไม่ต้องการให้ผู้ปกครองรับรู้" ดร.เดชรัต กล่าวทิ้งท้าย 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ