ชีวิตดีสังคมดี

ย้อนเส้นทาง '30 บาทรักษาทุกโรค' 20 ปีที่แล้วกับวันนี้มีอะไรเปลี่ยนไป

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนเส้นทาง '30 บาทรักษาทุกโรค'หรือ บัตรทอง โครงการประชานิยมที่ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ 20 ปีที่แล้วกับวันนี้มีสิทธิอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

โครงการ  "30 บาทรักษาทุกโรค" หรือ บัตรทอง กำลังจะกลายมาเป็นนโยบายประชานิยมสำหรับการหาเสียงของพรรคการเมืองอีกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่พรรคที่เคยลั่นว่า "30 บาทรักษาทุกโรค" เป็นภาระแก่รัฐบาล และกำลังจะทำให้ระบบสาธารณะสุขของไทยขาดทุน ก็มีการเอาโครงการดังกล่าวมาเคลมว่าเป็นผลงานตัวเอง

 

 

สำหรับโครงการ "30 บาทรักษาทุกโรค" หรือ บัตรทอง นั้น เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยที่ควักกระเป๋าจ่ายเพียง 30 บาทเท่านั้น แต่ต่อมา "30 บาทรักษาทุกโรค" ก็ถูกยกระดับเป็นไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเลย เพราะสิทธิการเข้าถึงระบบสุขภาพถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นที่ที่ประชาชนจะต้องเข้าถึงฟรี

  • ย้อนเส้นทางโครงการ "30 บาทรักษาทุกโรค"

 

"30 บาทรักษาทุกโรค"  คลอดในปี 2545 ยุค ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โครงการนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยพรรคไทยรักไทย เลือกใช้แนวทางการจัดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อให้สวัสดิการและหลักประกันสุขภาพที่มีอยู่ครอบคลุมประชากรทั้งหมดของประเทศผ่าน "นโยบายโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า "30 บาทรักษาทุกโรค"เป้าหมาคือประชาชนรากหญ้า และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ขอบคุณภาพจากเพจพรรคเพื่อไทย

 

  • 21 ปีก่อน "30 บาทรักษาทุกโรค" หรือ บัตรทอง รักษาอะไรบ้าง

 

สิทธิการรักษาพยาบาลของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นประชาชนคนไทยที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลักสามารถเข้ารับบริการทางกาแพทย์ได้ในโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนต่อมาถูกยกระดับเป็น สิทธิบัตรทอง ทำให้ไม่ต้องจ่ายสักบาทเดียว โดยครอบคลุมการรักษาการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพ และการดำรงชีวิต ซึ่งรัฐบาลจ่ายค่าเบี้ยประกันสังคมให้กับประชาชน มีงบประมาณให้หัวละ 1,250 บาท

 

 

  • "30 บาทรักษาทุกโรค" แล้วรักษาโรคอะไรไม่ได้บ้าง

 

"30 บาทรักษาทุกโรค" หรือ สิทธิบัตรทอง ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรคตั้งแต่โรคเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง หัวใจ ฝ่าตัด ฯลฯ เพียงแค่จ่ายค่ารักษาในราคา 30 บาทเท่านั้น แต่โครงการยังมีข้อจำกัดคือ จะสามารถใช้สิทธิได้เฉพาะในโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น การจะย้ายโรงพยาบาลจะต้องรอนานถึง 15 วัน จึงจะสามารถเข้ารักษาข้ามโรงพยาบาลตามภูมิลำเนาได้ แม้ว่าจะเป็นโครงการรักษาทุกโรค แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุม การรักษาความสวยงาม โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ,การตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่เกินความจำเป็นจากข้อบ่งชี้ทางการแพทย์,การรักษาที่อยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง,การปลูกถ่ายอวัยวะที่ไม่ปรากฏตามบัญชีแนบท้าย,การบริการทางการแพทย์อื่น ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กำหนด

 

 

  • เปลี่ยนนายกฯแต่โครงการ "30 บาทรักษาทุกโรค" ยังอยู่ตลอดไป

 

ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลกี่สมัย แต่ไม่มีใครกล้าแตะหรือยกเลิกโครงการ "30 บาทรักษาทุกโรค" หรือ สิทธิบัตรทอง แต่อย่างใด ในช่วงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกาศยกเลิกเก็บ 30 บาทจากผู้ป่วย ก่อนที่ในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะมีการประกาศยกเลิกการใช้บัตรทอง และให้ ใช้ประชาชนทดแทน ต่อมาในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความพยายามจะกลับมาเก็บค่ารักษา 30 อีกครั้งแต่ก็ถูกคัดค้านจนทำไม่ได้ และในยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยลั่นว่าโครงการนี้จะทำให้ระะบบสาธารณะสุขไทยล่มเพราะต้องใช้งบประมาณในการดูแลมหาศาล แต่ก็ไม่ได้ยกเลิกไป กลับยกระดับบัตรทองให้กลายเป็นบัตรทองพรีเมียม โดยมีการเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็น 30 บาทรักษาทุกที่

 

 

  • จาก บัตรทอง ธรรมดาอัปเกรดเป็น บัตรทองพรีเมียม

 

เมื่อปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UN) ว่าความสำเร็จด้านสาธารณสุขของไทยมีพื้นฐานจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ครอบคลุมคนไทยเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนั้นบัตรทอง ธรรมดาก็ถูกปรับเปลี่ยนสิทธิการดูแลให้ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพในการรักษาประชาชนได้มากยิ่งขึ้น โดยบัตรทองพรีเมียมมีสิทธิรักษาหลัก ๆ ดังนี้

-เพิ่มสิทธิเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐนอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤติ

 

-เพิ่มสิทธิการรักษาโรคร้าย ผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง และรักษามะเร็งได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุ  สิทธิฟอกไตฟรี บริการสำหรับแม่และเด็ก  ดูแลและรักษาระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง

 

-เพิ่มการเข้าถึงบัญชียา โรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี การป้องกันและรักษาโรคเอดส์ด้วยยาต้านไวรัส HIV

 

-เพิ่มสิทธิด้านวัคซีน 5 ชนิด (คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ)

 

 

  • ศึกชิง "30 บาทรักษาทุกโรค" ของพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้งใหม่

 

จากโครงการประชานิยมที่เรียกว่าประสบความสำเร็จแบบสุด ๆ เมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมาทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคการเมืองหลายพรรคแย่งชิง และต่างออกมาเคลมว่าโครงการนี้เป็นของตัวเองตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะพรรคไทยสร้างไทยที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ที่ประกาศใช้ "30 บาทรักษาทุกโรค" เป็นนโยบายพรรค และชูดให้เป็นนโยบาย 30 พลัส ส่วนพรรคเพื่อไทยเองก็หยิบยกการพัฒนา 30 รักษาทุกโรคโดยการยกระดับการบริการด้วยระบบเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย  ไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่ประกาศชัดเจนว่านี่คือผลงานชิ้นเอกตลอดวาระ 8 ปีเลยก็ว่าได้

 

ปัจจุบันมีประชาชนใช้สิทธิบัตรทองทั้งหมด 48 ล้านคน โดยในปี 2566 กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีจำนวน 200,000 ล้านบาท

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ