จากสถานการณ์การ "บูลลี่" ในประเทศไทยมีที่แนวโน้มรุนแรง เข้าขั้นวิกฤตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการ "บูลลี่" ในโรงเรียน ที่ดูเหมือนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ หรือถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เด็กจะต้องจัดการกับชีวิต จนทำให้การ "บูลลี่" เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อด้านจิตใจและร่างกายของผู้ถูกกระทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่สังคมออนไลน์กลายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในสังคมยิ่งส่งผลให้การ "บูลลี่" ทำได้ตลอดเวลา และแพร่ขยายเป็นวงกว้าง สร้างบาดแผลที่ไม่มีวันลบออกไปได้ให้กับคนที่โดน "บูลลี่"
โดยข้อมูลจาก มูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย หนึ่งในองค์กรที่ขับเคลื่อนการ บูลลี่ ในสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ได้เปิดเผยข้อมูล ว่าการ "บูลลี่" กลั่นแกล้งในโลกออนไลน์มีความรุนแรงกว่าการกลั่นแกล้งทางกายภาพ
ข้อมูลระบุลักษณะการ บูลลี่ ทางโลกออนไลน์ และการ "บูลลี่" ทางกายภาพไว้ดังนี้
กรณีการบูลลี่ทางกายภาพ จะมีลักษณพฤติกรรมและการกระทำ คือ
-เกิดขึ้นได้เมื่อคู่กรณีเผชิญหน้ากัน
-เหยื่อหลบหลีกได้
-มีผู้ร่วมรับรู้ในวงจำกัด
-ระบุตัวตนผู้กลั่นแกล้งได้
-รับรู้ถึงผลกระทบที่เหยื่อได้รับ
-แกล้งได้ในสถานที่กายภาพ
โดยการ บูลลี่ ในลักษณะนี้ผู้กลั่นแกล้งและเหยื่ออยู่ในพื้นที่และเวลาเดียวกัน
การ "บูลลี่" ที่เกิดขึ้นทางออนไลน์ จะมีลักษณะ การกระทำ เพื่อ "บูลลี่" คือ
-เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
-เหยื่อหลบหลีกไม่ได้
-มีผู้ร่วมรับรู้ในวงกว้างผ่านโลกออนไลน์
-ผู้กลั่นแกล้งปกปิดตัวตนที่แท้จริง
-ผลกระทบที่เหยื่อได้รับอาจไม่รู้ได้
-ไม่มีข้อจำกัดในเงื่อนไขพื้นที่
ผู้ถูกกลั่นแกล้งเป็นเป้าหมายของการรังแกได้ง่าย
แต่ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งหรือ บูลลี่ในรูปแบบใด ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการกระทำในเชิงก้าวร้าวรุนแรง เป็นการกระทำที่ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง และมีความสำพันธ์ในเชิงอำนาจ
ส่วนประโยคหรือคำพูด ลักษณะทางกายภาพ ที่มักจะใช้ บูลลี่ เช่น อ้วนดำ ไปทำอะไรมาทำไมดำขึ้น ด่าเพศที่สามว่ากะเทย ใส่ร้าย ป้ายสี แม้ว่าคำพูด หรือ กากระทำจะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องตลก แต่ลึก ๆ ภายในสภาพจิตใจ ความรู้สึกของคนที่ถูกกระทำนั้นไม่ได้รู้สึกตลกไปด้วย ข้อมูลจากโครงการ DTAC Safe Internet – Stop Cyberbullying ระบุว่า ประโยคที่เข่าข่ายบูลลี่ หรือการกระทำเพื่อ บูลลี่ ผู้อื่น แบ่งได้ดังนี้
-การกลั้นแกล้งทางวาจา ด้วยการสร้างเรื่องโกหก ปล่อยข่าวลือ ล้อชื่อพ่อชื่อแม่ ล้อปมด้อย
-กลั่นแกล้งทางกาย ทำร้ายร่างกาย และการขโมย
-การกลั่นแกล้งทางสังคมไม่ให้เข้าร่วมกลุ่ม สร้างความโกหก ปล่อยข่าวลือ
-กลั่นแกล้งทางไซเบอร์ โดยการข่มขู่ ส่งภาพโป๊ หลอกหลวง ไล่ออกจากกลุ่มออนไลน์
-กลั่นแกล้งทางความรู้สึก ข่มขู่ บังคับ
-การกลั่นแกล้งทางเพศการใช้คำพูดที่ส่อไปในทางเพศ ล้อความเป็นเพศที่สาม
ด้านกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ระบุไว้ว่าการ "บูลลี่" แบ่งออก 3 ประเภท ประกอบด้วย
1.การกลั่นแกล้งทางวาจา คือ การสื่อสาร เขียน เพื่อสื่อความหมายกลั่นแกล้ง เช่น ล้อเล่น เรียกชื่อ แสดงความคิดเห็นทางเพศที่ไม่เหมาะสม เหน็บแนม และขู่ว่าจะทำอันตราย
2.การกลั่นแกล้งทางสังคม คือ วิธีการทำให้เสียหน้า หรือแกล้งให้สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น อย่างตั้งใจ เช่น ขับเพื่อนออกจากกลุ่ม กระจายข่าวลือให้เสียหาย กีดกันไม่ให้เป็นเพื่อนกัน ทำให้อับอายในที่สาธารณะ
3.การกลั่นแกล้งทางกายภาพ คือ การกลั่นแกล้งที่เกี่ยวข้องกับร่างกายและสวัสดิภาพของผู้ถูกกลั่นแกล้ง เช่น การทุบตี ทำร้าย ทำให้สะดุด แย่งสิ่งของ แสดงออกทำท่าทางหยาบคายใส่
ที่มา: ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต , โครงการ DTAC Safe Internet – Stop Cyberbullying
ข่าวที่เกี่ยวข้อง