เอ็กโก กรุ๊ป เร่งเครื่องสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ปรับเป้า ปักหมุด Net Zero ปี 2050
เอ็กโก กรุ๊ป เร่งเครื่องสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ปรับเป้า ปักหมุด Net Zero ปี 2050 ภายใต้แนวคิด "Cleaner, Smarter, and Stronger to Drive Sustainable Growth"
เพื่อร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัย 4D+1E ในยุคเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและพลังงานครบวงจรมากว่า 31 ปี ได้ประกาศเป้าหมายใหม่ ด้านการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีความท้าทายและเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า "เอ็กโก กรุ๊ป ได้ขยับเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ให้เร็วขึ้นจากเดิม 10 ปี เป็นปี 2040 และเพิ่มเป้าหมายใหม่ คือ การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เพื่อให้สอดรับกับศักยภาพของเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เช่น ไฮโดรเจน ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การผลักดันอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก มีความเป็นไปได้มากขึ้นและมีแนวโน้มรวดเร็วมากขึ้น"
เป้าหมายใหม่ของเอ็กโก กรุ๊ป ในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ภายใต้แนวคิด "Cleaner, Smarter, and Stronger to Drive Sustainable Growth" แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- เป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2030 ลดการปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Carbon Emissions Intensity) ลง 10% และเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30%
- เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2040 บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral)
- เป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2050 บรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
เอ็กโก กรุ๊ป ได้กำหนดทิศทางการลงทุนที่มุ่งไปสู่เป้าหมายใหม่อย่างชัดเจน โดยประกาศนโยบาย No New Coal Investment ไม่ลงทุนในโรงไฟฟ้าและธุรกิจถ่านหินเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ และมุ่งลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว) พลังงานหมุนเวียน และพลังงานทางเลือก ซึ่งสอดรับกับความต้องการไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญและมีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว โดยการร่วมมือกับพันธมิตรศึกษาเทคโนโลยีและแสวงหาโอกาสลงทุนในซัพพลายเชนไฮโดรเจน ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการประยุกต์ใช้งาน โดยเฉพาะในประเทศซาอุดิอาระเบียและออสเตรเลียที่มีศักยภาพสูง
นอกจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักที่มีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ ให้ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง โดยร่วมมือกับพันธมิตรศึกษาความเป็นไปได้ในการนำไฮโดรเจนและแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสม (Hydrogen or Ammonia Co-firing) รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS)
ล่าสุดในปีนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงโรงไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสม "ลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6" กำลังผลิต 172 เมกะวัตต์ ที่เมืองลินเดน รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา โดยได้ปรับปรุงเครื่องกังหันก๊าซให้สามารถรองรับก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันเบย์เวย์ของบริษัท ฟิลิปส์ 66 ที่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมกับก๊าซธรรมชาติได้ โดยการใช้เชื้อเพลิงผสมดังกล่าว จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้า "ลินเดน โคเจน หน่วยที่ 6" ในภาพรวมลงประมาณ 10% จากระดับปกติ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถช่วยปรับปรุงโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก ให้ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดและสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต