จากเหตุการณ์ "แผ่นดินไหว" ขนาด 5.7 ริกเตอร์ ลึก 10 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองเชียงตุง รัฐฉาน รู้สึกได้ในหลายพื้นที่ของเชียงราย จ.สุโขทัย จ.ลำปาง จ.ลำพูน จ.น่าน จ.พะเยา จ.อุตรดิตถ์ จ.แม่ฮ่องสอน จ.สกลนคน รวมทั้งอาคารสูง ในกรุงเทพมหานครหลายพื้นที่ รับรู้แรงสั่นไหว
รศ.เอนก ศิริพานิชกร กรรมการควบคุมอาคาร อนุกรรมการสภาวิศวกร อธิบายกับ คมชัดลึก ถึงสาเหตุ ที่ทำให้คืนที่ทำให้พื้นที่กรุงเทพได้รับแรงสั่นไหวจากเหตุการณ์ "แผ่นดินไหว" ที่เกิดจากรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลจากกรุงเทพหลายกิโลเมตร ว่า แม้ว่าลอยเลื่อนดังกล่าวจะอยู่ห่างจากกรุงเทพเป็นระยะทางค่อนข้างไกล ที่ส่งผลให้คนกรุงเทพฯ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนในเกิดในการเกิด "แผ่นดินไหว" ครั้งนี้ได้นั้น เกิดขึ้นจากกรณีที่ พลังงานของแผ่นดินไหวเกิดการ หักเหเมื่อถึงพื้นที่ที่มีดินอ่อน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพที่ผมว่าขณะนี้มีที่เป็นดินอ่อนถึง 10 แอ่ง ลักษณะพื้นที่ที่เป็นดินอ่อนเช่นนี้จะทำให้เกิดเรโซแนนซ์ ส่งผลให้ตึกเกิดการสั่นแบบไป-กลับหรือที่เรียกว่า ‘คาบ’ เพราะโดยปกติแล้วการออกแบบอาคารทางวิศวกรรมจะมีการกำหนดเพราะโดยปกติแล้วการออกแบบอาคารทางวิศวกรรมจะมีการกำหนดค่าของอาคารตามแรงลม
โดยอัตราการเคลื่อนตัวไป-กลับของคาบในอาคารต่ำจะอยู่ที่ 0.2 วินาที
ส่วนอาคารที่มีตั้งแต่ 20 - 30 ชั้น จะมีการสั่นของ คาบไป-กลับอยู่ที่ 2 วินาที
ส่วนอาคารที่มีขนาดสะสมมากๆ จะถูกออกแบบการไปกลับ ของคาบให้ทนต่อสภาพแรงลม ดังนั้นการเกิด
"แผ่นดินไหว" ครั้งนี้ในอาคารที่มีค่าสูงเกิน 30 ชั้นขึ้นไปจึงไม่ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
ดังนั้น เมื่อพลังงานจาก "แผ่นดินไหว" เดินทางมาถึงจุดที่เป็นดินอ่อนจึงส่งผลกระทบให้คาบขยายวงกว้างมากขึ้น จึงทำให้จึงทำให้อาคารที่มีความสูงตั้งแต่ขนาด 20-30 ชั้น หรืออาคารขนาดเล็กรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของคาบ แต่ไม่ได้มีอันตรายต่อตึก หรือ อาคาร เนื่องจากเป็นการสั่นสะเทือนในระยะไกล เพราะโดยปกติพลังงานจากแผ่นดินไหวจะเพิ่มขึ้นเมื่อคลื่นผ่านจุดที่เป็นดินอ่อนจะทำให้เกิดการฟ้องคลื่น โดยการสั่นของตึกหลังจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้จึงไม่มีความน่ากังวลต่ออาคารในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพราะมีการออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือน โดยกฎกระทรวงปี 2564 ซึ่งมีการปรับปรุงล่าสุดหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 2557
รศ.เอนก อธิบายเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจจากการสำรวจแอ่งดินอ่อน ในประเทศไทยพบว่าขณะนี้นอกจากพื้นที่กรุงเทพฯ แล้วยังมีแหล่งดินอ่อนในพื้นที่อื่นๆเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น จ.ชลบุรี จ.ฉะเชิงเทรา โดยพื้นที่แอ่งดินอ่อนนั้นมีผลต่อแรงสั่นสะเทือนของ แผ่นดินไหว แต่อย่างไรก็ตามการรับแรงสั่นสะเทือนระยะไกลเช่นนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวอาคารโดยตรง การรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากรอยเลื่อนสะกายในครั้งนี้ ยังถือว่าไม่เป็นอันตรายต่อตึกสูง แต่หากประชาชนเกิดความไม่สบายใจหรือพบว่าการสั่นสะเทือนในระยะไก่ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร สามารถติดต่อมายัง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (สวท.) เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนสะกาย ไม่ได้รุนแรงผลส่งผลกระทบแน่นอน