ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ประเทศไทยสิ้นสุด ฤดูร้อน และจะเริ่มเข้าสู่ 'ฤดูฝน' ในวันที่ 22 พ.ค. 2566 เนื่องจากพบว่ามี ฝนตกชุกหนาแน่น และต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
ประกอบกับลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยที่ระดับผิวพื้นถึงความสูงประมาณ 3.5 กิโลเมตร ได้เปลี่ยนทิศเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะพัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และลมชั้นบนตั้งแต่ระดับความสูง 5 กิโลเมตรขึ้นไปได้เปลี่ยนทิศเป็นลมฝ่ายตะวันออก ซึ่งถือว่าครบองค์ประกอบตามเกณฑ์การเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยแล้ว
ปีนี้ ปริมาณฝน รวมของทั้งประเทศในช่วง 'ฤดูฝน' จะน้อยกว่าปี 2565 และจะน้อยกว่าค่าปกติประมาณ 5% (ปีที่แล้วสูงกว่าค่าปกติ 14%) ในช่วงประมาณกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม จะเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วง อาจส่งผลทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่แล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน
ส่วนในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายนเป็นช่วงที่จะมี ฝนตกชุกหนาแน่น ที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมี พายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1-2 ลูก ส่งผลให้มี ฝนตกหนักถึงหนักมาก ในหลายพื้นที่ และก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้
สำหรับฤดูฝนของประเทศไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม ส่วนภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกจะมี ฝนตกชุกหนาแน่น ต่อไปอีกจนถึงกลางเดือนมกราคม 2567
ข่าวที่เกี่ยวข้อง