ผลการศึกษาทางวิชาการระบุว่า "สัตว์ทะเล" ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน จะมีความหนาแน่นในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี และเพื่อเพิ่มความสมดุลทางธรรมชาติ จึงจำเป็นต้อง "ปิดอ่าวอันดามันปี 2566" ห้ามล่าสัตว์วางไข่
"กรมประมง" ประกาศ "ปิดอ่าวอันดามันปี 2566" โดยห้ามล่าสัตว์วางไข่ในเขตทะเลอันดามัน พื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง
ครอบคลุมพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ปลายแหลมพันวา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อำเภอเหลียน จังหวัดตรัง
ระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เพื่อปกป้องและรักษาสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน นำไปสู่การเพิ่มผลผลิต "สัตว์น้ำ" เพื่อคงความสมดุลทางธรรมชาติ
ทั้งนี้ มีผลการศึกษาทางวิชาการ พบว่า "สัตว์น้ำ" ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด มีความสมบูรณ์เพศสูง โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนพบสัตว์น้ำวัยอ่อนมีความหนาแน่นสูงสุดถึง 1,197 ตัว/1,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ซึ่งมากกว่าช่วงอื่นๆ ที่มีความหนาแน่นเพียง 470 ตัว/1,000 ลบ.ม.
อย่างไรก็ตาม การ "ปิดอ่าวอันดามันปี 2566" นี้ ไม่ได้สั่งห้ามล่า "สัตว์ทะเล" โดยเด็ดขาด เพียงแต่ห้ามใช้เครื่องมือประกอบกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) เรือประมงที่มีขนาดเกิน 10 ตันกรอส และกำลังแรงม้าเกิน 280 แรงม้าเด็ดขาด
สำหรับเครื่องมือประมงที่ให้ใช้ มีทั้งหมด 13 เครื่องมือ ได้แก่ 1. อวนลากแผ่นตะเฆ่ 2. อวนล้อมจับปลากะตัก 3. อวนติดตาปลา 4. อวนปู อวนลอยกุ้ง อวนหมึก 5. อวนครอบ อวนช้อนหรืออวนยกหมึก 6. ลอบปู 7. รอบหมึกทุกชนิด 8. ซั้ง 9. คราดหอย 10. อวนรุนเคย 11. จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เบ็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก 12. เครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง และ13. เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส
กรมประมงขอเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามกฎหมายการ "ปิดอ่าวอันดามันปี 2566" อย่างเคร่งครัด และระมัดระวังการทำประมง หากผู้ใดฝ่าฝืนจะเป็นความผิดตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 30 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่า "สัตว์น้ำ" ที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครอง
ส่วนกรณีการจ้างแรงงานผิดกฎหมายมีโทษปรับไม่น้อยกว่า 4-8 แสนบาทต่อราย ขณะที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานหากเกิดกรณีเดียวกันนอกจากปรับ 2 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท แล้วยังมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละ 1-5 แสนบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง