กลิ่นปาก…ไม่ใช่เรื่องตลก แชร์ 9 วิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก ลมหายใจหอมสดชื่น
กลิ่นปาก…ไม่ใช่เรื่องตลก นอกจากจะบ่งบอกถึงความสะอาด และเรื่องของสุขภาพในช่องปาก ยังสะท้อนถึงบุคลิกภาพได้ เรื่องกลิ่นปากเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายๆ คน ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นมาฝาก
เรามักจะเห็นนักแสดงตลกนำเรื่องกลิ่นปากมาล้อเล่นกันบ่อยๆ แต่ในชีวิตจริงหากคนรอบตัวนำเรื่องกลิ่นปากมาพูดล้อเล่นกับคุณ คงไม่สนุกแน่ กลิ่นปาก นอกจากจะบ่งบอกถึงความสะอาดแล้ว อาจเป็นเรื่องของสุขภาพในช่องปากได้ กลิ่นปากสะท้อนบุคลิกภาพได้ กลิ่นที่สะอาดสดชื่นทำให้มีความมั่นใจในการพูดคุย การยิ้มแย้มอย่างเปิดเผย
เรื่องกลิ่นปากเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายๆคน ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรให้หมดไป บางคนก็ใช้วิธีแปรงฟันบ่อย ๆ บางรายก็พกลูกอมดับกลิ่นปากเอาไว้ติดตัว บ้างก็เคี้ยวหมากฝรั่ง บางคนทำทุกวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่หาย ยังมีกลิ่นปากแบบไม่รู้ตัว ยิ่งในปัจจุบันต้องใส่หน้ากากอนามัย อาจทำให้ใครหลายคนมองข้ามเรื่องกลิ่นปากไป วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นมาฝาก แต่ก่อนอื่นเรามาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากกันก่อน
สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก เกิดได้จากภายใน และภายนอกช่องปาก
1. ภายในช่องปาก ได้แก่
- แผลในช่องปาก เช่น เนื้องอก แผลร้อนใน แผลที่เกิดขึ้นภายหลังการถอนฟัน หรือแผลที่เกิดจากการจัดฟัน
- ฟันผุ เกิดจากเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน บริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก หรือในรูฟันผุ ซึ่งจะมีเศษอาหารเน่าอยู่ ฟันที่ทะลุโพรงประสาทฟัน และมีหนองเกิดขึ้นที่ปลายรากฟัน
- เป็นโรคปริทันต์ หรือเหงือกอักเสบ เกิดจากมีคราบจุลินทรีย์ และหินปูนสะสมเป็นจำนวนมาก บางคนพบว่าเหงือกเป็นหนองจากโรคปริทันต์ หรือมีฟันโยก
- ผู้ที่ใส่ฟันปลอม หรือเครื่องมือต่าง ๆ ในช่องปาก เช่น ใส่เครื่องมือจัดฟัน หรือใส่รีเทรนเนอร์ และรักษาความสะอาดไม่ดี
- น้ำลาย โดยปกติน้ำลายจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออก ถ้าในช่องปากมีน้ำลายหลั่งออกมามาก ช่องปากก็จะสะอาดมากกว่าคนที่น้ำลายที่หลังออกมาน้อย และน้ำลายจะช่วยลดการบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นได้ ในบางครั้งจะมีการหลั่งน้ำลายออกมาได้น้อย เช่น ขณะนอนหลับ ดื่มน้ำไม่เพียงพอ อากาศร้อน ความเครียด การเจ็บป่วยด้วยโรค ตลอดจนอาชีพที่ใช้เสียงมากๆ หรือไม่ค่อยพูด ก็จะส่งผลให้มีน้ำลายน้อย และมีกลิ่นปากได้
- ลิ้น (บริเวณโคนลิ้นด้านในสุด) เนื่องจากบริเวณนี้จะมีน้ำเมือกจากช่องจมูกไหลลงสู่คอ มักมีสาเหตุมาจากอาการภูมิแพ้ (อาการดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดกลิ่นปากในระยะแรกๆ แตเมื่อทิ้งไว้สัก 2-3 วัน แบคเรียในช่องปากจะย่อยน้ำเมือกทำให้เกิดกลิ่นได้)
- โรคทางเดินหายใจ เช่น ไซนัสอักเสบ โรคทอนชิลอักเสบ โรคมะเร็งที่โพรงกระดูก โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โรคปอดเรื้อรัง วัณโรคปอดหรือมะเร็งปอด โรคของระบบขับถ่าย อาการท้องผูก
2. จากภายนอกช่องปาก ได้แก่
- การสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูบและคนรอบข้างแล้ว ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้สูบเป็นโรคปริทันรุนแรงมากขึ้น และกลิ่นของบุหรี่ที่ตกค้างอยู่ในช่องปากผสมกับกลิ่นอื่น ๆทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะตัวขึ้นได้
- การรับประทานอาหาร เช่น หัวหอม หัวกระเทียม เครื่องเทศ สะตอ ทุเรียน และแอลกอฮอล์ จะทำให้มีกลิ่นปากได้ แต่โดยธรรมชาติอาหารพวกนี้เมื่อถูกย่อยดูดซึม และขับถ่ายออกแล้วกลิ่นก็จะหายไปได้เอง
วิธีการทดสอบกลิ่นปาก
เอามือปิดปากและจมูก เป่าลมแรง ๆ ออกจากปากและดม ซึ่งบางคนก็สามารถบอกได้ว่ามีกลิ่นปากหรือไม่ หรือใช้วิธีถามกับคนใกล้ชิดหากรู้ว่ามีกลิ่นปาก ต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าเกิดจากอะไร เพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง และควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจสุขภาพช่องปาก นอกจากนี้เราสามารถดูแลรักษาไม่ให้เกิดกลิ่นในช่องปากได้ง่ายๆ ด้วยการดูแลช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ และที่สำคัญต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันอาการปากแห้ง
10 วิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก
1. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
น้ำลายสามารถช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากออกไปได้ก็จริง แต่ถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้น้ำลายหลั่งออกมาน้อย ส่งผลให้เศษอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในปากบูดเน่าได้ ดังนั้นการดื่มน้ำเยอะ ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสร้างน้ำลายได้มากขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยชะล้างเศษอาหารในปากออกไปได้อีก
2. รับประทานผักสดให้มากขึ้น
การรับประทานผักสด ๆ อย่างแครอต ขึ้นฉ่าย หรือแอปเปิลสด ๆ ไฟเบอร์จากผัก-ผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้กลิ่นปากหายไปได้ เพราะวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จะเข้าไปช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงทำให้ร่างกายสามารถสร้างสารที่จะมาต่อสู้กับแบคทีเรียในร่างกายได้มากขึ้น ส่งผลให้น้ำลายของเรามีประสิทธิภาพในการขจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้การเคี้ยวผักหรือผลไม้ที่สดกรอบก็จะช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียในช่องปากออกไปได้อีกด้วย
3. รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ให้มากขึ้น
ระบบขับถ่ายที่ผิดปกติ สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ เพราะเมื่อคนเราเกิดปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายอย่างเช่น ท้องผูก ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัดสารพิษในร่างกายออกไปได้หมด ส่งผลให้สารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ตลบอบอวลอยู่ในกระเพาะและลำไส้ และกลิ่นนั้นก็อาจจะขึ้นมาถึงระบบทางเดินอาหารส่วนบนขึ้นสู่ปากกลายเป็นกลิ่นปากเหม็นได้ การรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ อย่างเช่น โยเกิร์ต ให้มากขึ้นจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกายและขจัดกลิ่นปากไปได้เช่นกัน
4. รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีให้เพียงพอ
กลิ่นปากบางครั้งก็มาจากการขาดสารอาหารบางชนิด อย่างเช่น สังกะสี เป็นต้น เพราะสังกะสีนั้นมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคที่เป็นอันตราย การรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีอย่าง ฟักทอง โกโก้ และเครื่องในสัตว์ สามารถช่วยเพิ่มสังกะสีในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้แบคทีเรียมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดและป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย
5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง
ถ้าการรับประทานอาหารเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากก็ควรหันมาระมัดระวังในการรับประทานอาหารมากขึ้น เลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง อาทิ กระเทียม ต้นหอม หรือของหมักดอง เท่านี้กลิ่นปากก็จะไม่มากวนใจแน่นอน
6.การตรวจช่องปากโดยทันตแพทย์
ควรมีการให้คุณหมอตรวจ ทุกๆ 6 เดือน หากมีฟันผุก็ควรได้รับการอุดฟัน การขูดหินปูน ขัดทำความสะอาดช่องปาก หรือการจัดฟันเพื่อช่วยให้การเรียงตัวของฟันดีเป็นระเบียบทำให้สะดวกต่อการทำความสะอาด ลดการหมักหมมของเศษอาหาร กลิ่นปากก็จะหายไป
7. เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 2-3 เดือน
แปรงสีฟันถือเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่ดีอย่างหนึ่ง ลองนึกดูสิว่าทุกวันที่เราแปรงฟัน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากก็จะติดไปอยู่กับแปรงสีฟัน และถ้าเราทำความสะอาดแปรงสีฟันไม่ดี เชื้อเหล่านั้นก็จะยังเจริญเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเราหยิบมาแปรงฟันอีกครั้งเชื้อเหล่านั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในปากเพิ่มมากขึ้น
8. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเป็นวิธีง่าย ๆ ในการขจัดกลิ่นปาก เพราะน้ำเกลือจะเข้าไปช่วยชะล้างเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากและคอออกไปได้มากขึ้น แต่ก็อย่าผสมน้ำเกลือจนเข้มข้นเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดผลเสียกับสุขภาพตามมาได้เหมือนกัน
9. แปรงฟันบ่อย ๆ และหมั่นทำความสะอาดลิ้น
ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง อย่างน้อย2นาที ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในตอนเช้าและก่อนนอน โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก เนื่องจากขณะนอนหลับ ภายในช่องปากจะมีน้ำลายหลั่งน้อย เชื้อโรคต่างๆเจริญเติบโตได้ดีกว่าปกติ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ แต่ถ้าต้องการให้ช่องปากสะอาดมากขึ้นก็ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารสัก 15-30 นาทีจะดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำความสะอาดลิ้นบ่อย ๆ เพราะคราบฝ้าขาว ๆ บนลิ้นก็เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน
10. เคี้ยวสมุนไพรหรือเครื่องเทศสดๆ
สมุนไพรและเครื่องเทศที่ว่านี้ก็ได้แก่ ใบพาร์สลีย์ โหระพา สะระแหน่ เพราะสมุนไพรเหล่านี้นอกจากจะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้กลิ่นปากหอมสดชื่นได้แล้ว สารคลอโรฟิลล์ที่มีในสมุนไพรก็ยังช่วยลดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยล่ะ แต่การเคี้ยวสมุนไพรหรือเครื่องเทศสดๆนั้นอาจจะเป็นวิธีที่ยาก และอาจจะหายากเกินไป จะง่ายกว่าไหม แค่เปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเข้มข้น ขอแนะนำ! แคร์บิว ยาสีฟันสมุนไพร ที่มีส่วนผสมของสารสกัดสมุนไพรเข้มข้น 10 ชนิด ได้แก่ มิ้นท์, พิมเสน, การบูร, เมนทอล, น้ำมันกานพลู, ชะเอมเทศ, ฟ้าทะลายโจร, ใบฝรั่ง, ขิง, กระชาย
สรรพคุณ
ช่วยให้ปากและฟันสะอาด ยับยั้งแบคทีเรีย
ช่วยกำจัดกลิ่นปากให้ลมหายใจหอมสดชื่น
ช่วยดูแลเหงือกและฟัน ลดปัญหาโรคเหงือก
ลดการสะสมของคราบพลัค คราบหินปูน ชา กาแฟ บุหรี่
มีฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ และทำให้ฟันแข็งแรง
คุ้มค่า เมื่อใช้ปริมาณยาสีฟันเท่าเมล็ดถั่วเขียว
3 สูตร เลือกให้เหมาะกับคุณ
-สูตรดั้งเดิม : ใช้ง่าย รสชาติดีด้วยอินทผาลัมจากฝรั่งเศส
-สูตรซุปเปอร์คูลแอนด์เฟรช : สดชื่นเต็มพลัง ด้วยน้ำมันสเปียร์มินท์จากอังกฤษ
-สูตรเกลือ : ผสานคุณค่าจากเกลือ ช่วยลดอาการเสียวฟัน
สนใจสอบถามหรือสั่งซื้อ
EMAIL : [email protected]
LINE : @CAREBEAUCLUB