ประชาสัมพันธ์

“Aqua-IoT” นวัตกรรมดูแลสัตว์น้ำเพื่อเกษตรกรไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สวทช.เปิดชุดเทคโนโลยี Aqua-IoT ด้วยเทคโนโลยีหลัก 4 อย่างช่วยเหลือเกษตรกร มั่นใจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตกรรมช่วยยกระดับเกษตรกรได้อย่างแน่นอน

อุตสาหกรรมสัตว์น้ำเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การที่อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตอย่างยั่งยืนได้จำเป็นต้องอาศัยความเข้มแข็งในการผลิต
ทั้งความเชี่ยวชาญของเกษตรกร รวมไปถึงการพัฒนายกระดับเทคโนโลยีการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำให้สอดรับกับยุคเกษตร 4.0 
เพื่อให้ไทยพร้อมรับความท้าทายและโอกาสในการแข่งขันในระดับโลกมากยิ่งขึ้น 

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาระบบติดตามแจ้งเตือนสภาพบ่อเพาะเลี้ยงทั้งทางกายภาพ เคมี และชีวภาพด้วยเทคโนโลยี IoT หรือเรียกในที่นี้ว่า "Aqua IoT"

 

 

ดร.ศุภนิจ พรธีระภัทร นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล (DAT) เนคเทค สวทช.
กล่าวว่า
 หลังจากเกิดปัญหาโรคระบาดในสัตว์น้ำครั้งใหญ่ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อเกษตรกรและภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปี 2553 เนคเทคได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ผ่านโครงการพัฒนา "ระบบและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับสัตว์น้ำ (GII)"
ซึ่งนักวิจัยได้พัฒนาอุปกรณ์เฝ้าระวังความเสี่ยงในการเพาะเลี้ยงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และในปี 2563
ได้ขยายผลสู่ "โครงการยกระดับผู้ประกอบการสัตว์น้ำด้วยระบบตรวจสอบสภาพบ่อเพาะเลี้ยงทั้งกายภาพ เคมีและชีวภาพ ด้วยเทคโนโลยี IoT (Aqua-IoT) ในพื้นที่ภาคตะวันออก" ซึ่งดำเนินงานเสร็จสิ้นแล้วเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา

สวทช.ยกระดับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทย

จุดแข็งสำคัญของเทคโนโลยี Aqua-IoT ที่เนคเทคและศูนย์วิจัยแห่งชาติภายใต้ สวทช.
ร่วมกันพัฒนาขึ้น คือการรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์เฝ้าระวังความเสี่ยงในการเพาะเลี้ยง ทั้งจากสภาพน้ำ
อากาศ รวมถึงสารเคมีและจุลินทรีย์
ไว้ในฐานข้อมูล (Dashboard) เดียว เพื่อให้เกษตรกรเห็นถึงความเชื่อมโยงของข้อมูล วิเคราะห์ผลง่าย และแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างทันกาล

ดร.ศุภนิจ อธิบายว่า ภายในชุดเทคโนโลยี Aqua-IoT ประกอบด้วยเทคโนโลยีหลัก 4 อย่าง
เทคโนโลยีแรกคือ 1.ระบบตรวจวัดสภาพน้ำและอากาศ ระบบตรวจวัดสภาพน้ำจะตรวจวัดอุณหภูมิ ค่าความเป็นกรด-ด่าง และค่าออกซิเจนละลายในน้ำ ส่วนระบบตรวจวัดสภาพอากาศจะตรวจวัดทิศทางและความเร็วลม ปริมาณแสง และปริมาณน้ำฝน ซึ่งข้อมูลภาพรวมจากระบบนี้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการคำนวณการเปิด-ปิดระบบตีน้ำและปริมาณอาหารที่เหมาะสม

สวทช. ยกระดับอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทย

 

 "เทคโนโลยีที่ 2.คือระบบกล้องตรวจจุลชีวะขนาดเล็กในน้ำ สำหรับตรวจสอบการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำในวัยอนุบาลและปรสิต เทคโนโลยีที่ 3.คือระบบอ่านค่าสารเคมีแทนการดูด้วยตาสำหรับตรวจสอบคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงใช้แปลผลการตรวจจากชุดตรวจสารเคมี ได้แก่ ไนไตรต์ แอมโมเนีย คลอรีน ฟอสเฟต และค่ากรด-ด่าง เพื่อลดความผิดพลาดในการแปลผลด้วยวิธีปกติ ซึ่งใช้การเทียบสีที่ปรากฏบนชุดตรวจด้วยตาเปล่า

กล้องตรวจจุลชีวะขนาดเล็กในน้ำ ระบบตรวจรูปแบบของจุลินทรีย์ ระบบตรวจวัดสภาพน้ำและอากาศ ระบบอ่านค่าสารเคมีแทนการดูด้วยตาเปล่าสำหรับตรวจสอบคุณภาพน้ำ ชุดตรวจโรคกุ้ง

และเทคโนโลยีหลักสุดท้ายคือ 4. ระบบตรวจรูปแบบของจุลินทรีย์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สำหรับตรวจสอบจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และโทษ เพื่อนำข้อมูลไปปรับปริมาณจุลินทรีย์ในบ่อให้เหมาะสม โดยทีมวิจัยได้ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช.นำชุดตรวจเชื้อก่อโรคทั้งในกุ้งและปลามาบูรณาการนำผลการตรวจเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลออนไลน์แบบอัตโนมัติด้วย เพื่อให้เกษตรกรตรวจสอบข้อมูลจากทุกอุปกรณ์และชุดตรวจได้ง่ายจากทุกที่ทุกเวลา
ผ่านเว็บเบราว์เซอร์และระบบแจ้งเตือนทุกเช้า-เย็น ทางไลน์แชตบอต"


ปัจจุบันทีมวิจัยได้ถ่ายทอดชุดเทคโนโลยี Aqua-IoT ให้แก่บริษัทเอกชนเรียบร้อยแล้ว
ค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบ Aqua-IoT อยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อบ่อ ซึ่งหากเทียบกับผลกำไรที่ได้จากการเพาะเลี้ยง การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและอาหารสัตว์ รวมถึงการลดความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตจากการติดเชื้อหรือความไม่สมดุลในระบบเพาะเลี้ยง ถือว่าคุ้มค่าสูง และคืนทุนได้ตั้งแต่รอบการผลิตแรก

ดร.ศุภนิจ เสริมว่า นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว ทีมวิจัยและผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยียังให้ความสำคัญเรื่องการขยายผลสู่การใช้งานจริง โดยในปี 2563 ได้ร่วมกันนำร่องถ่ายทอดองค์ความรู้ ตลอดจนสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการใช้ประโยชน์อุปกรณ์อย่างคุ้มค่าให้แก่เกษตรกรในภาคตะวันออก ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานทีมงานได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำการทำงานและร่วมแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกษตรกรต้องเผชิญเพื่อให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งมากพอที่จะยกระดับการทำเกษตรของตนเองได้อย่างยั่งยืน

 

การได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทำให้นักวิจัยได้ทราบถึงปัญหาและความต้องการของเกษตรกรมากยิ่งขึ้นข้อมูลเชิงลึกเหล่านั้นนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง
ตัวอย่างเทคโนโลยีที่นักวิจัยกำลังพัฒนา เช่น เครื่องนับจำนวนลูกกุ้งแบบอัตโนมัติเพื่อควบคุมความหนาแน่นของกุ้งในบ่อเลี้ยง เครื่องยกยอเพื่อคำนวณปริมาณกุ้งในบ่อแบบอัตโนมัติสำหรับคำนวณปริมาณอาหารให้เหมาะสมลดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ และรักษาคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยง


ดร.ศุภนิจ ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ทีมวิจัยอยากสื่อสารไปยังเกษตรกร คือ อยากให้ทุกคนกล้าใช้วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการยกระดับการทำเกษตรของตน และกล้าที่จะคิดว่าปัจจุบันยังขาดเทคโนโลยีอะไรที่จะช่วยให้การทำการเกษตรของตนมีประสิทธิภาพขึ้นได้
 เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรรายอื่นๆ ด้วย การที่เกษตรกรทุกคนเลี้ยงได้รอดทุกบ่อ ทุกฤดูการผลิตถือเป็นความหวังสูงสุดในการนำพาประเทศไทยหวนคืนสู่การเป็นผู้ส่งออกสัตว์น้ำอันดับต้นของโลกอีกครั้ง
นอกจากเสียงบอกเล่าด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีของนักวิจัยเกษตรกรผู้มีประสบการณ์การใช้งาน Aqua-IoT ได้สะท้อนถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้เอาไว้อย่างน่าประทับใจเช่นกัน

ดร.ศุภนิจ พรธีระภัทร นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล (DAT) เนคเทค สวทช.

 


คุณอุดร ส่งเสริม เจ้าของวศินฟาร์ม จังหวัดระยอง เล่าว่า ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดในการนำ
Aqua-IoT มาใช้ในฟาร์มเลี้ยงกุ้งของตน คือ การประหยัดเวลาในการทำงาน ไม่ต้องคอยเฝ้าระวังที่หน้าบ่ออยู่ตลอดเหมือนแต่ก่อน แม้ตอนนี้จะเริ่มต้นลงทุนที่ 1 บ่อ แต่ข้อมูลจากบ่อหนึ่งก็สามารถนำไปปรับใช้กับบ่ออื่นๆ รวมถึงกับฟาร์มอื่นที่อยู่ในละแวกเดียวกันได้
โดยเฉพาะเรื่องอุณหภูมิของน้ำซึ่งส่งผลโดยตรงต่อค่าออกซิเจนละลายน้ำ ทำให้จากที่เคยต้องเปิดเครื่องตีน้ำเต็มกำลัง เหลือเปิดเฉพาะช่วงที่ค่าออกซิเจนลดลงเท่านั้น ทำให้ประหยัดค่าไฟลงได้มาก
นอกจากนี้การที่เราทราบถึงค่าความผิดปกติของสารเคมีในน้ำหรือการระบาดของโรคอย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการยับยั้งความเสียหาย เพราะหากสัตว์น้ำตายยกบ่อ สิ่งที่เสียไปไม่ใช่แค่ต้นทุนที่ลงไป แต่ยังสูญเสียกำไร เวลา และโอกาสทางการตลาดอีกด้วย

คุณอุดร ส่งเสริม เจ้าของวศินฟาร์ม จังหวัดระยอง

 

logoline