ประชาสัมพันธ์

“สมศักดิ์” แถลงผลงานปราบยาเสพติด ยึดทรัพย์ปี 65 ได้ 10,820 ล้าน ตั้งเป้าปีหน้าเพิ่ม 1 แสนล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“สมศักดิ์” แถลงผลงานปราบยาเสพติด ยึดทรัพย์ปี 65 ได้ 10,820 ล้านบาท ตั้งเป้าปีหน้าอายัดทรัพย์ 1 แสนล้านบาท มั่นใจ ทำได้แน่นอน ยกตัวอย่างเครือข่าย “บัวจันทร์” มีมูลค่าถึง 93,000 ล้านบาท แจง ยาบ้าถูก เพราะเครื่องผลิตได้วันละ 280 ล้านเม็ด ต้นทุนเพียงเม็ดละ 50 สตางค์ “วิชัย” พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายปีหน้า ขณะที่ “พล.ต.ต.บรรพต” คิด “บล็อกเชน-คริปโตเคอเรนซี่”เพิ่มช่องทางแจ้งเบาะแส แบบไม่เผยตัวตน เพื่อความปลอดภัย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประจำปี 2565 กล่าวว่า เมื่อสังคมเกิดคำถามบ่อยครั้งว่า ปัญหายาเสพติดระบาดมากขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามยอดนิยม ตนจึงขอชี้แจงว่า สาเหตุที่ยาเสพติด มีจำนวนมากขึ้น เพราะเทคโนโลยี ของขบวนการค้ายาเสพติด มีความทันสมัยมากขึ้น อย่างในอดีต 1 เครื่อง สามารถผลิตยาบ้าได้ วันละ 64,800 เม็ด แต่ปัจจุบัน สามารถผลิตได้วันละ 4 ล้านเม็ด ซึ่งในรอบประเทศ มีกลุ่มผู้ค้ายาถึง 7 กลุ่ม จะทำให้กำลังผลิตมีถึงวันละ 280 ล้านเม็ด จึงทำให้มียาเสพติดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และมีต้นทุนที่ต่ำ อยู่ที่เม็ดละ 50 สตางค์ ทำให้เมื่อขนส่งมาขายในไทย จะอยู่ที่ราคา 10-15 บาทเท่านั้น 

 

"นอกจากนี้ การแก้ปัญหายาเสพติด ด้วยการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 24 ฉบับ มาเป็นฉบับเดียว คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ 9 ธ.ค. 2564 โดยจะเน้นอายัดทรัพย์ เพราะในอดีต เราอายัดทรัพย์ได้มาก แต่ยึดทรัพย์จริงๆได้น้อย อย่างปี 2557 สามารถอายัดได้ 1,360 ล้านบาท แต่ยึดทรัพย์จริงได้เพียง 14 ล้านบาท ในขณะที่ยาเสพติดที่ออกจากสามเหลี่ยมทองคำ มีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น เมื่อมีกฎหมายใหม่ ที่สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ทำให้ปี 2565 เราสามารถบูรณาการยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 10,820 ล้านบาท และผมมั่นใจว่า จากนี้จะสามารถยึดทรัพย์ได้มากขึ้นอีก” รมว.ยุติธรรม กล่าว

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2566 ตนได้ตั้งเป้าหมายยึดทรัพย์ไว้ที่ 1 แสนล้านบาท เพราะในอดีตกฎหมายเก่า ทำให้มีหลายบัญชีหลุดคดีไป เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ แต่เมื่อมีกฎหมายใหม่ ทำให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยตรวจสอบย้อนหลังมากขึ้น อย่าง กรณี “บัวจันทร์ ขาวอินทร์” ที่เป็นบัญชีม้า มีการโอนไปบัญชีปลายทาง 4,971 บัญชี ป.ป.ส.สามารถอายัดเงินได้ 287 บัญชี เป็นเงิน 372 ล้านบาท โดยสิ่งที่สำคัญคือ กลุ่มเครือข่ายนี้ มีบุคคลเหมือน “บัวจันทร์ ขาวอินทร์” ถึง 250 บัญชี หากคูณกับทรัพย์ที่ยึดได้ ก็จะเป็นเงิน 93,000 ล้านบาท ซึ่งแค่เครือข่ายเดียว ทำให้เป้าหมาย 1 แสนล้านบาทนั้น ไม่เกินความจริง และไม่เป็นเรื่องยาก โดยตนจะอยู่ในตำแหน่งดูการขับเคลื่อนถึง 2 ไตรมาส หากทำไม่ได้ ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้

“สมศักดิ์” แถลงผลงานปราบยาเสพติด ยึดทรัพย์ปี 65 ได้ 10,820 ล้าน ตั้งเป้าปีหน้าเพิ่ม 1 แสนล้านบาท

 

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า การแจ้งเบาะแสยาเสพติด 1386 เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% จากข้อมูลพบว่า มีคนแจ้งเพียง 6,000 หมู่บ้าน จาก 80,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ ตนจึงอยากเชิญชวนให้ช่วยกันแจ้งมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่บอกว่า ชุมชนของตนเองมียาเสพติดมาก ก็ขอให้แจ้งมา ส่วนที่มีข้อกังวัลเรื่องความปลอดภัย ตนก็ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปคิดรูปแบบให้คนแจ้งเบาะแสได้รับความปลอดภัยมากขึ้นแล้ว ซึ่งเชื่อว่า ก็จะไม่มีเจ้าหน้าที่ นำข้อมูลคนแจ้ง ไปบอกผู้ค้ายาเสพติดแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่เอง ก็มีรางวัลนำจับถึง 25 % ส่วนกระทรวงยุติธรรม มีภารกิจหลักในการปราบปรามยาเสพติด ด้วยการอายัดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งปีนี้ เราก็สามารถทำได้ตามเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ส่วนเป้าหมายปีหน้า 1 แสนล้านบาท ก็พร้อมขับเคลื่อนอย่างเต็มที่

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.

 

ส่วน พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3(ผบก.ปส.3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)  กล่าวว่า เรื่องการแจ้งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยตัวตนนั้น ตนได้ไปศึกษาเรื่องบล็อกเชน และคริปโตเคอเรนซี่ เพื่อแก้ปัญหาประชาชน ไม่กล้าแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1386 เนื่องจากห่วงเรื่องความปลอดภัย ตนจึงได้ทดลองทำเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชน แจ้งผ่านเว็บ โดยมีชั้นความลับที่สูงมาก เพราะจะมีการปกปิดไอพีแอดเดรส ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ใครเป็นผู้แจ้ง ซึ่งผู้แจ้งผ่านเว็บไซต์ ก็ต้องสร้างคริปโตวอลเล็ต ที่เป็นกระเป๋าตังออนไลน์ เพื่อนำวอลเล็ตแอดเดรส ไปกรอกในเว็บ เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% โดยจะไม่มีเจ้าหน้าที่ ทราบว่า เจ้าของวอลเล็ตแอดเดรส เป็นใคร จากนั้น ผู้ได้รางวัลนำจับ ก็จะสามารถนำเหรียญไปแปลงเป็นเงินสดได้ โดยที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งก็จะทำให้การถอนเงิน ไม่สามารถหาตัวตนคนแจ้งได้ รวมถึงได้มีการให้แฮกเกอร์สายขาว เจาะเข้าระบบ เพื่อปิดช่องโหว่ ให้เว็บไซต์มีความปลอดภัยสูงสุด โดยระบบนี้ จะสามารถใช้ได้อีก 2-3 เดือน

พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3(ผบก.ปส.3)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ