เพราะ “เด็ก” คือ ต้นกล้าของความหวัง เด็กจึงเป็นกำลังสำคัญของชุมชน สังคม และประเทศชาติ ที่จะพาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ องค์กรการกุศลที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับมูลนิธิฯ ไว้ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ ปี 2537 โดยมูลนิธิมีบทบาทสำคัญ คือ การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมทางสังคม พัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นอนาคตของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาส เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ร่วมสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา
อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ จากงานทำงานภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ที่อยากบอกเล่าเรื่องราว คือ “เพาะรัก” โครงการที่เปรียบดั่งเป็นร่มเงาให้กับเด็กในชุมชน ดูแลเด็กและเยาวชน ตลอดจนถึงครอบครัว ผู้ปกครอง เพื่อให้ได้รับโอกาสที่ดี และเท่าเทียมกัน
นายสุรชาติ ขจรทวีไพศาล ผู้ใหญ่บ้านและประธานคณะกรรมการบริหารโครงการ CCF จังหวัดเชียงราย อายุ 48 ปี เล่าถึงการทำงานร่วมกับมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ฯ ว่ากว่า 20 ปี ได้เห็นแนวคิดและวิธีการปฏิบัติ ตลอดระยะเวลาที่มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ได้เข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่ เพียงแค่การช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ สามารถพูด อ่าน เขียนภาษาไทยได้เรื่องเดียว ก็ช่วยทำให้คนบนดอยและพื้นราบเข้าใจกันได้อย่างราบรื่น มองทิศทางการพัฒนาไปในทางเดียวกัน ประหยัดเวลาให้เจ้าหน้าที่และคนในพื้นที่ ได้นำไปต่อยอดหรือหารายได้ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีทางเลือกได้มากขึ้น
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมและชาวบ้าน ได้เห็นถึงปัญหาความเดือดร้อนและความขาดแคลนของเด็กด้อยโอกาสในตำบลพื้นที่ดูแลอยู่ ประกอบกับมีความผูกพันกับมูลนิธิมาอย่างยาวนานในการช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่ที่ดูแลและขยายวงไปยังหมู่บ้านอื่นโดยรอบ ด้วยการทำหน้าที่ประสานงานระหว่างชุมชนและโรงเรียน เพื่อคัดเลือกเด็กเก่งที่ด้อยโอกาส ให้สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดี สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น กว่า 20 ปีที่ผมอยู่กับเด็กๆ และอยู่กับความช่วยเหลือจากมูลนิธิ มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ได้รับโอกาสดีๆ มีความรู้ มีทักษะอาชีพ
ผมเห็นความสำคัญของโอกาสในชุมชน เด็กที่มีโอกาสได้มีการศึกษา จะไม่ต้องตกเป็นทาสยาเสพติดในชุมชน สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ การที่เราจะพัฒนาชุมชน ถ้าเราไม่ได้พัฒนาตัวบุคคล คือ เด็ก เราจะพัฒนาชุมชนไม่ได้เลย เพราะเด็กคือต้นกล้าแห่งความหวังในอนาคต และถ้าไม่มี มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ เด็กๆ ก็จะไม่ได้รับโอกาสต่างๆที่ดี และไม่สามารถพัฒนาทักษะความสามารถ การเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ นอกจากเราจะดูแลเด็กๆ แล้ว เรายังช่วยส่งเสริมอาชีพ เลี้ยงไก่ ปลูกผักสวนครัว ให้กับครอบครัว ผู้ปกครองในชุมชน ได้มีอาชีพ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้
เพราะเด็ก คือ ต้นกล้าต้นหนึ่ง และผมคือตัวแทนอาสาสมัครที่ได้ดูแลต้นกล้าเหล่านั้น ถ้าเปรียบตัวเองเป็นต้นไม้ ผมคงเป็น ต้นไทรต้นใหญ่ของเด็กๆ ต้นไม้ใหญ่ที่ สามารถแตกกิ่ง แตกยอด สามารถดูแลใบทุกใบให้แตกแขนง ต่อยอดเติบโตได้ อนาคตผมหวังว่า เด็กๆในวันนี้ จะสามารถเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่แบบผม และกลับมาพัฒนาเด็กๆ ที่จะเติบโตในอนาคตได้ต่อไป ผมพยายามเต็มที่ เพื่อจะให้เค้ามายืนตรงนี้ ตรงที่ผมยืน เพื่อให้เค้าดูแลกันได้ต่อไป” นายสุชาติ กล่าวเสริม
ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการ CCF จังหวัดเชียงราย ผมถือว่าเป็นงานที่เหนื่อย แต่รักที่จะทำ เพราะทำแล้วมีความสุข ผมจะทำจนกว่า ร่างกายผมจะไม่ไหว พื้นที่ของโอกาสและเวลาที่เหลืออยู่ จะสร้างบุญร่วมกัน ดูแลไปด้วยกัน เพราะถ้าเด็กในชุมชนมีความสุข ผมและทุกๆคนในชุมชนก็จะมีความสุขตามไปด้วยเช่นกัน
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีผู้นำที่ตั้งใจ คนในชุมชนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกันผ่านการเป็นจิตอาสา พัฒนาเด็กและชุมชนในทางที่ถูกต้อง ได้รับโอกาสที่ดีกว่าเดิม อยู่ดีมีสุข ภายใต้กฏหมายเดียวกัน จนชั่วชีวิตตลอดไปของพวกเขา และนี่คือเรื่องราวดีดีจากผู้นำชุมชน ที่อยู่ดูแลเด็กๆ และคนในชุมชนมาโดยตลอด แบกความหวังที่ยิ่งใหญ่ และก้าวไปข้างหน้าด้วยพลังใจที่เปี่ยมล้น เพราะผู้นำชุมชน เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ โครงการดีดีจากมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ปลูกคนด้วยหัวใจ พัฒนาชีวิตเด็กและเยาวชนไทยด้วยโครงการ “เพาะรัก” เพราะแม้จะอยู่ห่างไกลแต่โอกาส สามารถส่งมอบให้แก่กันได้ผ่านโครงการของ CCF ที่หยิบยื่นให้กับเด็กๆ โดยไม่เลือกว่าเด็กคนนี้จะอยู่ตรงไหน หรือเป็นชนเผ่าใด แต่ถ้าเป็นเด็กที่ขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ ขอเพียงตั้งใจศึกษาและรับความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ กล้าคิด กล้าทำ เรียนรู้ไม่สิ้นสุด ก็พร้อมจะให้โอกาสเสมอ
มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ จับมือทำงานกับเครือข่ายชุมชนอย่างแน่นแฟ้น รับฟังเสียงคนในพื้นที่ที่ขาดแคลนโอกาส แต่แม้จะส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง จิตใจมุ่งมั่นแจ่มใสเพียงใดก็ตาม ความหวังของเด็กๆ อาจไม่ถึงฝัน นั่นเพราะเงินทุนสนับสนุนที่หายไป สวนทางกับจำนวนตัวเลขเด็กๆ ที่ร้องขอความช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากสถานการณ์โรคระบาดที่ซ้ำเติม ความฝันที่มีต่ออาชีพในอนาคตอาจต้องหยุดลงอย่างน่าเสียดาย ความห่างไกลไม่ใช่อุปสรรคที่จะเติมกำลังใจและส่งความรักให้กับเด็กๆ โดยการร่วมสมทบทุนกับโครงการ “เพาะรัก” ผ่าน มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ที่ปลูกคน ปลูกคุณภาพชีวิตให้เด็กด้อยโอกาส ปลูกความฝันของเด็กๆ ให้เป็นจริง อย่างยั่งยืน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไปได้ผ่าน มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์ฯ โทร 02 747 2600 หรือที่ https://bit.ly/3wJvWOG
ข่าวที่เกี่ยวข้อง