ข่าว

Bitcoin ทะลุ $87,000 สะเทือนวงการเงินโลก ไทยเตรียมรับมือคลื่นลูกใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัล

Bitcoin ทะลุ $87,000 สะเทือนวงการเงินโลก ไทยเตรียมรับมือคลื่นลูกใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัล

29 เม.ย. 2568

การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ครั้งล่าสุดทำให้ทั่วโลกต้องหันมามองอีกครั้ง หลังจากเคยอ่อนแรงในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เมษายน Bitcoin กลับมาแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือนที่ราคา $87,404 หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น) ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวแรงถึงกว่า 16% จากระดับต่ำสุดของเดือนที่ $74,800 ในวันที่ 9 เมษายน 

การฟื้นตัวนี้ไม่ใช่แค่แสดงถึงแรงซื้อของนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความไม่มั่นคงในตลาดโลกที่กำลังส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาเป็นที่พึ่งอีกครั้ง  

 

ในแง่เทคนิค นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า Bitcoin กำลังอยู่ในช่วง "Breakout" หรือการทะลุกรอบราคาด้านบนของการสะสมตัวที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยการทะลุแนวต้านในรอบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉาบฉวย เพราะเกิดการ “รีเทสต์” แนวรับใหม่หลังการทะลุกรอบเดิม ซึ่งทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าการขึ้นครั้งนี้มีความมั่นคง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจคือการเคลื่อนไหวของ Bitcoin หนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในโลก เริ่มมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำมากขึ้น ซึ่งมักจะเกิดในช่วงที่นักลงทุนกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ค่าเงินอ่อน และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ เห็นได้ชัดจากสถิติที่ระบุว่าทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 55 ครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และ Bitcoin กำลังเดินรอยตามในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทางเลือก ในขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ลดลงกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศที่ซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดนี้ ตลาดไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร?

 

ตลาดคริปโตในไทยแม้จะยังเล็กกว่าตลาดโลกมาก แต่ก็มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนวัยรุ่นและวัยทำงานที่มองหาโอกาสทางการเงินนอกระบบธนาคารดั้งเดิม โดยเฉพาะการถือครองคริปโตผ่าน Crypto Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บ ส่ง หรือรับเหรียญคริปโตได้อย่างปลอดภัยและควบคุมการเข้าถึงได้ด้วยตัวเอง ต่างจากการฝากเหรียญไว้ในแพลตฟอร์มกลางที่มีความเสี่ยงเรื่องการแฮกหรือการล่มของระบบ

 

ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดจาก 3 ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น:

  • ปริมาณการเทรดในตลาดคริปโตของไทย เช่น Bitkub, Upbit Thailand และ Zipmex เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังเงียบเหงาไปในช่วงต้นปี โดยเฉพาะในช่วงที่ราคา Bitcoin กลับมาพุ่งแรง ส่งผลให้นักลงทุนเก่าเริ่มกลับเข้าตลาด และนักลงทุนใหม่ก็เริ่มเข้ามาเปิดสถานะเพื่อลุ้นโอกาสทำกำไรระยะสั้น
  • ผู้ถือเหรียญเริ่มกลับมาขายทำกำไรและหมุนเวียนสินทรัพย์ไปยังเหรียญอื่น เช่น Ethereum, Solana และ Memecoin ต่าง ๆ ที่เคยเป็นกระแสมาก่อนหน้านี้ แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุน และการมองหาโอกาสจากเหรียญที่มีราคายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
  • กระแสการเปิดบัญชีใหม่กับแพลตฟอร์มคริปโตกลับมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาโอกาสทางการเงินนอกระบบธนาคารดั้งเดิม บางส่วนเริ่มศึกษาการเทรด การ Staking หรือการใช้ DeFi เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่อาจเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนของคนไทยในระยะยาว

แม้จะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับนักลงทุน แต่ก็มีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินในไทยว่า การเติบโตของคริปโตในรอบนี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เพราะความผันผวนยังคงอยู่ ไม่ใช่การขึ้นที่แน่นอนแบบตลาดหุ้นหรือพันธบัตร อีกทั้งกฎหมายกำกับดูแลในประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต้องเผชิญกับความไม่ชัดเจนในเชิงนโยบายและภาษี 

 

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบเชิงโครงสร้างที่ควรจับตาในตลาดไทย:

  • ธนาคารพาณิชย์ไทยอาจต้องปรับตัวให้เข้ากับความนิยมในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น หากไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกับคริปโตได้ อาจเสียฐานลูกค้ารุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากกว่าบัญชีเงินฝากหรือสินเชื่อแบบเดิม โดยเฉพาะกลุ่มที่คุ้นเคยกับโลกดิจิทัลและต้องการเชื่อมต่อการเงินกับ Web3
  • รัฐบาลไทยอาจต้องเร่งมือในการออกกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บภาษีคริปโตและความปลอดภัยของนักลงทุน เนื่องจากกระแสนี้ไม่ใช่แค่ชั่วคราว แต่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หากไม่มีการกำกับดูแลที่ชัดเจน อาจเกิดปัญหาทั้งในด้านการฟอกเงิน ความเสียหายจากการลงทุน และการสูญเสียรายได้ภาษีที่ควรได้จากธุรกรรมเหล่านี้
  • บริษัทเอกชนในไทยเริ่มทดลองใช้ระบบชำระเงินผ่านคริปโตมากขึ้น ซึ่งอาจเปลี่ยนโครงสร้างการเงินและการบัญชีในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก สายไอที หรือแม้แต่ธุรกิจส่งออกที่เริ่มมองเห็นศักยภาพของคริปโตในการลดค่าธรรมเนียมและความล่าช้าในการโอนเงินข้ามประเทศ

 

ท้ายที่สุด การทะลุแนวต้านของ Bitcoin ไม่ใช่เพียงข่าวดีของนักลงทุนต่างชาติ แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเงินโลกที่ประเทศไทยก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน หากประเทศไทยสามารถจัดการกับความเสี่ยงและวางรากฐานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมได้ นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านคริปโตของภูมิภาคในอนาคตอันใกล้