
"ต้องเป็นคนดี คุณพระถึงจะคุ้มครอง"ร.ต.ต.พรเทพ เทพหัสดินฯ (เต๋า พรปู่ศุข)
แวดวงนักพระเครื่อง หลายท่านล้วนเป็นผู้มีอาชีพอย่างอื่นมาก่อน รวมทั้งตำรวจ ทหาร ทนายความ ฯลฯ ซึ่งวันนี้จะได้นำเรื่องราวของนายตำรวจใจดีที่ชาววงการพระเครื่องให้ความเคารพนับถือกันมาก คือ ร.ต.ต.พรเทพ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือที่เพื่อนพ้องน้องพี่เรียกขานท่านว่า
"พี่เต๋า" เล่าย้อนอดีตที่ผ่านมาว่า เกิดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากคุณพ่อไปเป็นปลัดอำเภอที่นั่น พอโตขึ้นได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนหัวหินวิทยาลัย และโรงเรียนวังไกลกังวล โดยเป็นรุ่นน้องของ โผน กิ่งเพชร แชมป์โลกมวยสากลรุ่นฟลายเวท คนแรกของเมืองไทย
ต่อมาได้เข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยพลศึกษา กรุงเทพฯ เพราะชอบเล่นกีฬาทุกชนิด ก่อนจะไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนตำรวจภูธรภาค ๔ จ.ยะลา รุ่น ๑๑ เป็นรุ่นพี่ของ จ่าเพียร เอกสมญา ซึ่งเข้าเรียนรุ่นที่ ๑๓
จบหลักสูตรแล้วเข้ารับราชการที่ สภ.อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช อยู่ได้ระยะหนึ่งก็ทำเรื่องขอย้ายไปอยู่ ตชด.(ตำรวจตระเวนชายแดน) ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงที่ ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) คุกคามบ้านเมืองแถวนาสาร เวียงสระ ฯลฯ จนมีการปะทะกันอยู่เสมอ ทำงานอยู่ที่นั่นนานถึง ๑๐ ปี จนเหตุการณ์สงบ จึงได้ขอทำเรื่องย้ายเข้านครบาล ประจำอยู่ที่ สน.สำราญราษฎร์ อยู่ได้ระยะหนึ่งก็ได้ย้ายอยู่ฝ่ายสอบสวนสืบสวน ตำรวจนครบาลเหนือ โดยอยู่ในทีมงานของ พ.ต.ต.คงเดช ชูศรี (ยศสมัยนั้น) ตลอดมา โดยได้ร่วมทำคดีสำคัญๆ มากมาย แม้เมื่อผู้บังคับบัญชาได้ย้ายไปเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ด.ต.พรเทพ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้ย้ายไปทำงานด้วย จนเมื่อ พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี เกษียณอายุราชการ เมื่อปี ๒๕๔๔ ด.ต.พรเทพ ก็ได้ขอลาออกก่อนเกษียณ โดยได้รับพระราชทานยศเป็น นายร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) เพื่อจะได้เข้าสู่วงการพระเครื่องอย่างเต็มตัว อันเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่มีความรักชอบมานานปี
ร.ต.ต.พรเทพ กล่าวว่า "ผมสนใจพระเครื่องตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน ทั้งผมและเพื่อนต่างก็มีพระเครื่องแขวนติดตัวกันทั้งนั้น โดยพ่อแม่เป็นคนหามาให้ใส่ เมื่อโตขึ้นสมัยเป็นตำรวจ ก็ยิ่งสนใจมากขึ้น เพราะตำรวจกับพระเครื่องเป็นของคู่กัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานปราบปรามผู้ก่อการร้าย จะได้คุ้มครองป้องกันอันตรายได้ ยามที่มีพระอยู่กับตัว จึงรู้สึกอบอุ่นใจมาก เมื่อมาทำงานอยู่กับนายคงเดช ท่านทราบว่าผมชอบเรื่องพระ ก็ส่งผมไปทำคดีพระหาย ผมจึงไปหาข้อมูลที่สนามพระท่าพระจันทร์ ได้พบกับท่านนายกพยัพ คำพันธุ์ พูดคุยกันถูกคอมาก จึงสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน เมื่อท่านได้พระอะไรมาก็จะเอาให้ผมศึกษา พร้อมกับชี้แนะต่างๆ นานา จนผมจำได้พอสมควร ที่ผมชอบมากคือ พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท เพราะเป็นพระที่มีประสบการณ์มาก ขนาดเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ เป็นนักเรียนนอก ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ก็ยังเคารพนับถือหลวงปู่ศุข เล่ากันว่าเสด็จเตี่ยเคยเอาพระเครื่องและตะกรุดของหลวงปู่ศุขไปทดลองยิงมาแล้ว กระสุนปืนไม่ออกสักนัด"
สำหรับประสบการณ์โดยตรง "พี่เต๋า" เล่าว่า ครั้งหนึ่งเคยไปเฝ้าดักจับผู้ต้องหาคดีฆ่าเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรที่บ้านของเขา ซึ่งคาดว่าเขาจะต้องกลับมาบ้านไม่วันใดก็วันหนึ่ง ตำรวจผลัดเปลี่ยนกันไปเฝ้าหน้าบ้านอยู่หลายวันก็ไม่พบ วันที่พี่เต๋าไปเฝ้าตั้งแต่หัวค่ำจนเกือบรุ่งสว่าง เกือบจะพากันกลับโรงพักแล้ว ปรากฏว่าผู้ต้องหาโผล่มาให้จับอย่างง่ายดาย ทั้งนี้พี่เต๋าเล่าว่า ได้บนบานศาลกล่าวกับหลวงปู่ศุขว่า ขอให้จับผู้ต้องหาให้ได้ แล้วจะไปแก้บน ก็ได้ตัวผู้ต้องหาจริง จึงต้องไปแก้บนที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งยังไม่รู้เลยว่า อยู่ที่ไหน ต้องถามทางไปโดยตลอด สมัยนั้นการเดินทางลำบากมาก จนได้แก้บนสำเร็จ
ต่อมาเมื่อประสบปัญหาการงานอะไรก็ตาม จะบนบานศาลกล่าวกับหลวงปู่เสมอ และก็ได้ทุกครั้งไป ทำให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น จึงได้หาเช่าพระของท่านมาใช้ติดตัว หลังจากนั้นจะทำอะไรก็คล่องไปทุกอย่าง นอกเหนือไปจากความแคล้วคลาดปลอดภัยซึ่งมีอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ พี่เต๋าจึงต้องไปทำบุญถวายหลวงปู่ศุข โดยไปกราบไหว้ขอพรท่านที่วัดในวันคล้ายวันเกิดของตัวเองทุกปี และในบางโอกาสที่มีเวลาว่าง
ขณะเดียวกัน เมื่อได้พบเห็นพระของท่านที่ไหน ในราคาที่พอเช่าไว้ได้ ก็จะเช่าเอาไว้ทันที รวมทั้งเพื่อนตำรวจ และน้องๆ ที่ทำงานด้วยกัน อยากได้พระหลวงปู่ศุขบ้าง พี่เต๋าก็ทำหน้าที่หาให้ โดยได้รับความกรุณาจากท่านนายกพยัพ ช่วยดูให้ช่วยหาให้ จึงรับประกันได้ว่าเป็นพระแท้แน่นอน จนทำให้พี่เต๋ามีพระหลวงปู่ศุขมากขึ้นเรื่อยๆ สมัยนั้นพระเนื้อตะกั่วองค์ละพันกว่าๆ เท่านั้นเอง
สำหรับ พระหลวงปู่ศุข เนื้อทองแดง ท่านนายกพยัพได้กรุณาแบ่งให้ในราคาทุน คือ ๗,๕๐๐ บาท ซึ่งพี่เต๋าได้ใช้ติดตัวมาจนทุกวันนี้ เป็นเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว
นอกจากนี้ยังได้ พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร พิมพ์จอบเล็ก มีผู้เอาไปจำนำจนเกือบจะหลุด มาบอกข่าว จึงไปไถ่ถอนมาเป็นเงิน ๒ หมื่นบาท ตอนนั้นพี่เต๋าบอกว่า ต้องขายนาฬิกา สร้อยคำทองคำ และของมีค่าต่างๆ ไปจนหมด จึงได้พระหลวงพ่อเงินองค์นี้มา
ในส่วนของ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ซึ่งเลื่องลือกันว่า เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัย มาเป็นอันดับหนึ่ง พี่เต๋าได้เช่าหาเอาไว้เหมือนกัน ตั้งแต่พระเนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ พระหลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ และเหรียญรุ่นต่างๆ ซึ่งสมัยนั้นราคายังไม่สูงมาก
"ท่านนายกพยัพ เป็นทั้งเพื่อนและครูผู้มีพระคุณ ที่ได้สอนให้ผมดูพระเป็น ด้วยการให้ศึกษาจากพระแท้องค์จริง รวมทั้งเครื่องรางของขลังต่างๆ ซึ่งผมชอบมาก สมัยนั้นผมติดตามท่านพยัพไปทุกแห่งหน เมื่อผมลาออกราชการแล้ว ท่านพยัพได้ชวนให้ผมขึ้นมาเปิดร้านพระบนชมรมพระเครื่องมรดกไทย เนื่องจากผมเคารพศรัทธาหลวงปู่ศุขมาก และมีชีวิตอยู่ได้ในทุกวันนี้ก็ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่ศุขโดยแท้จริง ท่านพยัพจึงตั้งชื่อร้านให้ว่า 'พรปู่ศุข' เมื่อปี ๒๕๔๙ จนถึงทุกวันนี้ ที่ร้านผมมีพระทุกประเภท โดยเฉพาะเครื่องรางของขลัง รับรองได้ว่าเป็นของแท้ทุกชิ้น" พี่เต๋า กล่าวในตอนหนึ่ง
และอีกตอนหนึ่งที่พี่เต๋ากล่าวได้คมคายมากคือ "เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระ ผมเชื่อว่ามีจริง เพราะเคยประสบมาด้วยตัวเอง ผมยังเชื่ออีกอย่างว่า คนเราต้องเป็นคนดีด้วย คุณพระถึงจะคุ้มครอง คนที่ไปเบียดเบียนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่มีศีลไม่มีธรรม ต่อให้มีของดีอย่างไร คุณพระก็ไม่คุ้มครอง สำคัญที่สุดคือจิตใจต้องเป็นคนดี เพราะพระเครื่องเป็นของบริสุทธิ์เหมือนผ้าขาว หากคนแขวนพระมีจิตใจเป็นด่างพร้อย คุณพระท่านไม่เอาด้วยแน่ คนแขวนพระจึงต้องเป็นคนดี ทำความดี คุณพระถึงจะคุ้มครอง"
นอกจากมีร้านพระ พรปู่ศุข บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน แล้ว พี่เต๋ายังได้ไปสร้างบ้านพักแบบรีสอร์ท ริมคลองอัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นที่ดินเก่าของภรรยา โดยใช้ชื่อว่า บ้านเทพหัสดินฯ ท่ามกลางบรรยากาศแบบบ้านสวนริมน้ำ ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างแท้จริง เป็นบ้านพักส่วนตัวของทุกท่านที่ไปใช้บริการ สัมผัสชีวิตชาวบ้านไทยโบราณ การทำน้ำตาลมะพร้าว ดำกุ้ง งมหอยตลับ นั่งเรือเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ออกทะเลเที่ยวดอนนหอยหลอด ดื่มด่ำกับอาหารอร่อย ในบรรยากาศแบบบ้านสวน ที่เป็นกันเองตลอดเวลา สอบถามได้ที่โทร.๐๘-๑๒๗๙-๓๒๒๓, ๐๘-๖๐๐๗-๑๐๐๗ หรือที่ www.baanthephussadin.com
ท่านผู้อ่าน นสพ.คม ชัด ลึก จะได้รับส่วน ๒๐% ทันที
.........
0 ตาล ตันหยง 0