คอลัมนิสต์

ผ่าเกมรุมสกัด! ประยุทธ์นายกฯ รอบสอง

ผ่าเกมรุมสกัด! ประยุทธ์นายกฯ รอบสอง

24 ธ.ค. 2561

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย... ลมใต้ปีก

 

 

          เมื่อการเมืองเปืด สัญญาณเลือกตั้งชัดและ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศตนสนใจการเมืองและพร้อมพิจารณาพรรคการเมืองที่จะเสนอชื่อ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ อีกรอบ ที่แน่นอนว่านั่นคือพรรคพลังประชารัฐ เกมการเตะตัดขาทั้งตัวลุงตู่และพรรคพลังประชารัฐที่จะกลับเข้ากุมอำนาจในการบริหารประเทศอีกครั้งจึงเกิดขึ้นและจะทวีความรุนแรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ คือหัวหน้า คสช. ที่ทับโต๊ะยึดอำนาจจากพรรคการเมืองเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 เพราะพรรคพลังประชารัฐคือปัจจัยเสียงของพรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งและจะผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง


 

          ขั้วทักษิณ ชินวัตร พรรคตระกูลเพื่อทั้งหลายรวมทั้งพรรคทายาทอสูรที่ต้องสกัดเพราะถือเป็นศัตรูกัน แต่ก็มีแนวร่วมมุมกลับอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เคยมีวิถีการเมือง “ไม่เผาผี” กับทักษิณ วันนี้ร่วมกันสกัด พล.อ.ประยุทธ์ และพลังประชารัฐเช่นกัน เพราะศึกเลือกตั้งครั้งนี้วัดอนาคตการเมืองในรอบ 27 ปี ของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะอยู่หรือไป

 

 

ผ่าเกมรุมสกัด! ประยุทธ์นายกฯ รอบสอง

 


          ดังนั้นทุกย่างก้าวของพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ จะถูกตรวจสอบแบบถูก “รุมสกรัม” เลยทีเดียว เพราะทุกการเพลี่ยงพล้ำของพล.อ.ประยุทธ์ และพลังประชารัฐ คือคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นของพรรคการเมืองอื่นโดยเฉพาะฝั่งทักษิณ เพราะถือเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริง


          จึงจะเห็นว่าการเรียกร้องสปิริต 4 รัฐมนตรี ที่เข้ามาเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ จะถูกเรียกร้องหนักจากพรรคขั้วทักษิณและประชาธิปัตย์ ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายนี้ก็ไม่เคยแสดงสปิริตในการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีในช่วงเลือกตั้ง จึงไม่แปลกที่การจัดระดมทุนของพลังประชารัฐเมื่อ 19 ธันวาคม 2561 จะถูกตรวจสอบถึงขั้นจะจับแพ้ฟาวล์ก่อนเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ในอดีตพรรคการเมืองแทบทุกพรรคก็เคยจัดระดมทุน รวมทั้งไม่มีการวิจารณ์ถึงการจัดระดมทุนของลุงกำนันสุเทพเทือกสุบรรณ เมื่อ 18 ธันวาคม 2561 ก่อนพลังประชารัฐเเพียง 1 วัน ก็เพราะพรรคของลุงกำนันถูกมองว่าเป็นพรรคเล็กหาใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของทั้ง “ทักษิณ-อภิสิทธิ์” ไม่ ตามมาด้วยการเคลื่อนไหวอย่างมี “นัย” ของ โคทม อารยา ในนามมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม ร่วมกับมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย รวบรวม 25 พรรคการเมือง ยกเว้นพลังประชารัฐ มาลงนามในสัญญาประชาคม ดูผิวเผินเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้งที่ควรสนับสนุน แต่ในสัญญาประชาคมมีแฝงไว้ด้วยเงื่อนไข การตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่ระบุว่าต้องเคารพเสียงข้างมากของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร แปลว่าสัญญาประชาคมฉบับนี้ล้อมกรอบไว้เรียบร้อยหากพลังประชารัฐและพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากเกิน 261 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร จะดันทุรังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แม้จะอ้างว่ามีเสียงเกินครึ่งของรัฐสภา (สภาผู้แทน+วุฒิสภา) มาโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียงเกิน 376 ก็ตาม 

 

 

ผ่าเกมรุมสกัด! ประยุทธ์นายกฯ รอบสอง

 

 

          และถ้าไปส่องดูพรรคการเมืองที่มาร่วมลงสัญญาประชาคมเมื่อ 21 ธันวาคม 2561 มีพรรคในขั้วทักษิณ ชินวัตร ครบทุกพรรคแม้กระทั่งประชาชาติที่หวังสัมปทานพื้นที่การเมืองปลายด้ามขวาน 60 วันที่เหลือก่อนถึง 24 กุมภาพันธ์ 2562 ยุทธวิธีการรุมสกัดของฝ่ายการเมืองจะทวีความรุนแรงขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ และพลังประชารัฐ ยังต้องเจอ “ของจริง” อีกเยอะ และจะเป็นบทพิสูจน์ว่า “ลุงตู่..ไหวไหม?”