พระเครื่อง

'ร่างทรง-คนมีองค์'ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง

'ร่างทรง-คนมีองค์'ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง

10 เม.ย. 2555

ร่างทรงและคนมีองค์ผู้ทรงอิทธิพลทางจิตวิญญาณในท้องถิ่นตัวจริง : 0 เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร 0

            “ร่างทรง” เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่เข้าใจว่ามีองค์เทพ หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือบรรพบุรุษมาประทับก็จะเป็นร่างทรง ผู้คนมักจะกล่าวคำเรียกขานว่า “คนมีองค์” จากคติความเชื่อที่ว่า "ร่างทรง" เป็นภาคหนึ่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจุติมาเพื่อช่วยขจัดปัดเป่าบรรเทาทุกข์ทั้งปวง โดยเทพจะสื่อกับมนุษย์ได้โดยผ่าน "ร่างทรง" ซึ่งปกติแล้วเราจะพบร่างทรงได้เฉพาะที่สำนักเท่านั้น
 
            อย่างไรก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ นายพรพชรพรหม บุญอินทร์ ซึ่งถือบวชเป็นฤาษี ได้จัดพิธีไหว้ครู และครอบเศียรครูฤาษี ณ บ้านเลขที่ ๓๑๘ หมู่ ๑๒ ต.แม่สิน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ได้ไหว้ครูและชุมนุมร่างทรงโดยมีร่างทรงในจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานกว่า ๔๐ ร่างทรง เช่น ร่างทรงเจ้าเวสสันดร จ.สุโขทัย เจ้าพ่อขุนงำเมือง จ.พะเยา ร่างทรงเจ้าคำเมืองไจ๋ จ.แพร่ ร่างทรงเจ้ามหาเถร จ.แพร่ ร่างทรงเจ้าพ่ออาภาลักษณ์ จ.แพร่ ร่างทรงเจ้าพี่มะลิ จ.แพร่ ร่างทรงเจ้าแม่ นางรองผมหอม จ.แพร่ ร่างทรงเจ้าพ่อโม่งคำ จ.แพร่ ร่างทรงของเจ้ากู่เสี้ยว จ.น่าน
 
            ร่างทรงของพ่อปู่สมิง ร่างทรงของพ่อขุนด่าน ร่างทรงของพ่อหลวงแก้ว จ.ลพบุรี ร่างทรงของเจ้าพ่อผาเมือง จ.พะเยา ร่างทรงของเจ้าพ่อต๋นหลวง จ.ลำปาง ร่างทรงของเจ้าพ่อคำลือ จ.แพร่ ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ติดตามและลูกศิษย์ พบว่าร่างทรงแต่ละท่านมีจากหลายอาชีพ บางร่างเป็นครูในโรงเรียน บางร่างเป็นพ่อค้า ในขณะที่ร่างทรงส่วนใหญ่เป็นชาวธรรมดาประกอบอาชีพเหมือนชาวบ้านทั่วไป ส่วนร่างทรงที่มีลูกศิษย์มาก คือ ร่างทรงของพ่อปู่สมิง ร่างทรงของพ่อขุนด่าน และร่างทรงของพ่อหลวงแก้ว จ.ลพบุรี
 
            ในการจัดพิธีไหว้ครูและครอบเศียรครูฤาษีครั้งนี้ มีการนิมนต์พระมาสวดมนต์เย็นในคืนก่อนวันงาน ในตอนเช้าได้นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพุทธมนต์ จากนั้นก็เป็นพิธีไหว้ครูและครอบเศียรครู ทั้งนี้นายพรพชรพรหมได้ใช้เงินจัดงานประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ บาท เฉพาะค่าจัดใบสีกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนเงินค่าขันครูที่ผู้ร่วมงานนำมาให้นั้นได้เงินประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยเงินทุกบาททุกสตางค์ถูกนำไปสร้างพระ สร้างโบสถ์ สร้างศาลาวัดหลาย ๑๐ แห่ง เช่น สร้าง ศาลาวัดกู่เสี้ยวชัยชนะ อ.เมือง จ.น่าน สร้างศาลาการเปรียญ วัดเนินทอง จ.ลพบุรี สร้างพระพุทธขนาดหน้าตัก ๒๐ นิ้วถวายวัดจำปา จ.พะเยา ปูกระเบื้องห้องครัว วัดแม่เทินเหนือ จ.สุโขทัย
 
            "พิธีไหว้ครูและชุมนุมร่างทรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบพิธีกรรมทุกคนเป็นผู้ที่ให้ความเคารพบูชาพระสงฆ์องค์เจ้าและเป็นชาวพุทธที่มั่นคงทั้งสิ้น การประทับร่างทรงมีสาระสำคัญที่เป็นจุดเน้นคือ ให้มนุษย์ทุกคนละเว้นจากกิเลส สิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย เพื่อขจัดความสับสนวุ่นวาย ความเสื่อมของสังคมให้หมดไป เพื่อมนุษย์จะได้อยู่อย่างสงบสุข ให้ทุกคนทำความดีช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ศรัทธาในพุทธศาสนาเพื่อความสุขในชีวิต" นี่เป็นคำยืนยันของนายพรพชรพรหม
 
            พร้อมกันนี้นายพรพชรพรหม ยังบอกด้วยว่า การดำเนินชีวิตของประชาชนชาวไทยปัจจุบันส่วนหนึ่งยังมีการผูกพันกับความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ และมักจะหาสิ่งของ เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ ซึ่งในแต่ละปีจะต้องมีการบวงสรวง เพื่ออัญเชิญให้เหล่าเทพทั้งหลายมาชุมนุมกัน เพื่อรับการเคารพสักการะของมวลสานุศิษย์ ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของพิธีกรรม (ความเชื่อ) ที่จะต้องแสดงและปฏิบัติอย่างถูกต้องเต็มใจ และบริสุทธิ์
 
            "ร่างทรงถือเป็นเพียงผู้รับปฏิบัติหน้าที่เป็นสื่อให้เท่านั้น จึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องเงินทองสิ่งของจากผู้เดือดร้อนแต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือแล้วประสบความสำเร็จแก้ปัญหาได้แล้วไม่กลับมาปฏิบัติหรือมาแก้ตามที่สัญญาไว้ก็ให้ตกเป็นหน้าที่ของร่างทรง ที่จะต้องแก้แทนให้โดยให้ถือเป็นการชดใช้หนี้ กรรมเก่า การปฏิบัติต่อเทพจะต้องปฏิบัติอย่างดียิ่งในทุกสถานการณ์" นายพรพชรพรหม กล่าวทิ้งท้าย
 
            ด้านอาจารย์ไตรเทพ บุญเฮง จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปินล้านนา บอกว่า การจัดงานดังกล่าวถ้าเปรียบกับคนแล้ว เป็นการแสดงมุทิตาจิตต่อครูบาอาจารย์ ในส่วนของร่างทรงนั้นแม้ว่าจะจับต้องไม่ได้และยากที่จะพิสูจ์แต่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีอยู่จริงการนับถือผีและร่างทรงมีอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย ขึ้นอยู่กับศรัทธาและความเชื่อของคนท้องถิ่นนั้นๆ ว่าจะนับถือใคร ถ้ามองจากคนภายอาจจะเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ถ้าเป็นคนในพื้นที่จะมองเป็นเรื่องของความศรัทธา


ร่างทรง-ทรงอิทธิพล
 
            พ.อ.นเรศร์ จิตรักษ์ อนุศาสนาจารย์ ประจำมณฑลทหารที่ ๓๓ ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ และผู้เขียนหนังสือ “อ่านก่อนตาย” บอกว่า ร่างทรงในจังหวัดภาคเหนือยังมีร่างทรงให้เห็นจำนวนมาก มีตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ไล่ไปจนถึงระดับอำเภอ รวมทั้งเป็นที่รู้จักของคนทั่วๆ ไป เช่น ปู่เลื่อน จุลโพธิ์ อ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าน้อยนาจา อ.สันกำแพง พ่อปู่เทพเทวฤาษี บ้านเมืองสาตร์ อ.เมืองเชียงใหม่ เป็นต้น
   
            ข้อปฏิบัติของร่างทรงทุกสำนัก คือ รักษาศีล ปฏิบัติธรรม ยึดในคำสอนที่ครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด เป็นผู้ที่ผ่านขวัญผ่านญาณของผู้ที่เป็นเทพ ซึ่งต้องมีกรรมวิธีในการเป็นร่างทรง เช่น ตั้งขันครูเพื่อรับเทวบัญชา เป็นได้ทั้งหญิงและชาย ส่วนใหญ่จะเป็นร่างที่บริสุทธิ์ด้วยศีลและปฏิบัติธรรมจึงเป็นร่างที่เทพมาผ่านได้ ผู้ที่เป็นร่างต้องเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่งใหญ่ ประเด็นหนึ่ง คือ มีครอบครัวไม่ได้ หรือมีครอบครัวแล้วต้องได้รับอนุญาตจากคู่สมรสให้มาทำหน้าที่ร่างทรง ส่วนใหญ่ที่พบร่างทรงจะมีอายุมากกว่า ๓๐ ปี ที่มากจะเกิน ๖๐ ปี
 
            "หน้าที่ของร่างทรง คือ เป็นที่พึ่งทางใจในการชี้ออก บอกทางถูกให้มนุษย์ผู้ประสบทุกข์ ประสบภัย ประสบเวรกรรมต่างๆ เช่น ของหาย ตั้งชื่อ ให้ฤกษ์ยาม รักษาโรคด้วยแทพย์แผนโบราณพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ค้าขายขาดทุน ต้องคดีความ ครอบครัวแตกแยก ลูกหลานอกตัญญู ส่วนใหญ่จะมีการแนะนำให้แก้ตามหลักการพระพุทธศาสนา ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่อน ทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ ศีล และภาวนา จะไม่ส่งเสริมการฆ่าเพื่อเอามาบูชายันต์อย่างเด็ดขาด" พ.อ.นเรศร์ กล่าว