วันนี้เมื่อ 52 ปีก่อน วันเกิดของหนุ่มแพรวที่คนไทยหลงรัก
ข่าวคราวของผู้คน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป บางคนจดจำ บางคนหลงลืม
ดังเช่นเรื่องราวของอดีตนายแบบหนุ่ม “ป๊อป-พิสัย ศะศิสมิต” คนไทยน้อยรายจะรู้ว่าเขาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้วก่อนวัยอันควรแค่ 30 ปี จากโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดเฉียบพลัน
และวันนี้เมื่อ 52 ปีก่อน ตรงกับวันอังคารที่ 15 ส.ค. 2510 คือวันที่ป๊อบถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวที่อบอุ่น เป็นพี่ชายของน้องชายอีกสองคน ก่อนที่โรคร้ายจะมาพรากเขาไปในปี 2540 ข่าวคราวของเขาเงียบ เสียจนไม่มีแม้บันทึกในหน้าข่าวด้วยซ้ำว่าวันที่เขาจากไปคือวันที่เท่าไหร่
เพียงแต่ความทรงจำอันชัดเจนที่คนไทยหลายคนมีต่อเขา คือ รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ซึ่งหลายคนคงคิดถึงอยู่เป็นแน่
ป๊อบ พิสัย ศะศิสมิต เกิดที่ จ.อ่างทอง เป็นบุตรชายของ พิภพ ศะศิสมิต และ พิสมัย ศะศิสมิต ตอนที่ป๊อบได้ตำแหน่ง หนุ่มแพรวบิดาของเขาทำงานเป็นหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ และคุณแม่เป็นแม่บ้าน
ป๊อปกับคุณพ่อตอนที่เขาเพิ่งได้รางวัลหนุ่มแพรว 2531
เครดิตจาก http://70-90memory.blogspot.com/2012/07/blog-post_14.html
ป๊อบมีน้องชายชื่อพรรษา ศะศิสมิต และสมภพ ศะศิสมิต แต่ที่จริงพวกขายังมีพี่ชายคนโตอีก 1 คน แต่เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้น ป๊อบจึงเหมือนเป็นพี่ชายคนโตของน้องๆ
ป๊อป เริ่มต้นการศึกษา ในระดับชั้นอนุบาล ที่โรงเรียนพิบูลย์เวช จากนั้นจึงมาศึกษาต่อในระดับชั้นประถมที่โรงเรียนวัดใหม่ช่องลม โดยเขามาศึกษาต่อ จนสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนปทุมคงคา
และไปจบในระดับปริญญาตรี จากคณะวิทยาศาสตร์ เอกชีววิทยา มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ในวัยเรียน ป๊อปจัดว่าเป็นนักรเียนที่ทำกิจกรรมมากมาย โดยเขาเล่นกีฬาได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส วอลเลย์บอล ปิงปอง ว่ายน้ำ วิ่ง แบดมินตัน
โดยในช่วงที่กำลังศึกษา อยู่ในระดับชั้นมัธยม เขาสามารถคว้ารางวัลที่ 3 ในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา ประเภท วอลเลย์บอล ประเภท ถ้วย ข ประชาชนชาย ของกรุงเทพมหานครที่จัดการแข่งขันในขณะนั้นมาแล้ว
แต่ที่สุดด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา ป๊อบได้เข้าสู่วงการบันเทิง โดยการคว้าตำแหน่งหนุ่มแพรวมาได้ในปี 2531 ขณะที่มีอายุ 21 ปี
โดยในการประกวดครั้งนี้ นอกจากตำแหน่ง หนุ่มแพรวซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของผู้เข้าแข่งขันฝ่ายชายแล้ว ในการประกวดครั้งนี้ เขายังสามารถคว้าตำแหน่ง Popular Vote ประเภทฝ่ายชาย จากการโหวตของผู้ชมมาอีกหนึ่งรางวัล
ช่วงนั้น คนไทยชื่นชอบป๊อบกันมาก เพราะเขาเป็นหนุ่มแพรวรุ่นแรกๆ เป็นนายแบบที่ยิ้มมีเสน่ห์มาก
ที่สุดเขาก็แจ้งเกิดเป็นนายแบบหน้าใหม่ มีผลงานถ่ายแบบขึ้นปกและให้สัมภาษณ์ไม่เพียงกับนิตยสารต่างๆ ในเครือแพรว อย่างแพรว และ แพรวสุดสัปดาห์ แต่ยังมีงานถ่ายแบบในนิตยสารแฟชั่นอื่นๆ รวมถึงมีผลงานในด้านการเดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
http://70-90memory.blogspot.com/2012/07/blog-post_14.html
ที่คนไทยจำเขาได้ดี เห็นจะเป็นงานจากการถ่ายโฆษณาสินค้าแบรนด์ดังต่างๆ อีกมากมาย ตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ. 2531 ถึงปี พ.ศ. 2538 เลยทีเดียว
http://70-90memory.blogspot.com/2012/07/blog-post_14.html
อีกมุมหนึ่ง ป๊อบยังมีงานละคร โดยลงครั้งแรกกับค่าย exact ในเรื่องตะกายดาว ทางช่อง 9 โดยรับบท โจอี้หนุ่มหล่อ พ่อรวย ที่มีบุคลิกแสนซื่อและมีจิตใจดีโดยเขามาช่วยงานในบริษัทที่จัดหานักแสดงและต้องพานพบกับจิตใจของผู้คนที่แตกต่างกันไปมากมาย
อย่างไรก็ดี ป๊อบยังมีงานอดิเรกที่น่าสนใจ คือนอกจาก สะสมแสตมป์หรือ เลี้ยงต้นไม้แล้ว งานที่เขารักมากคือการเลี้ยงปลาหมอสี ที่หากถามคนในแวดวงนักเลี้ยงปลาสวยงาม โดยเฉพาะกลุ่มปลาหมอสียุคนั้นแล้ว ไม่มีใครที่ไม่รู้จักป๊อป
http://70-90memory.blogspot.com/2012/07/blog-post_14.html
เดิมที่ เขาเริ่มเพาะพันธ์ปลา โดยเริ่มจากเลี้ยงที่บ้าน โดยการสนับสนุน ของคุณพ่อและคุณแม่ จนสามารถนำไปฝากขายที่ร้านขายปลาสวยงาม ซึ่งกิจกรรมชนิดนี้นอกจากจะทำให้เขานั้นมีรายได้พิเศษแล้ว ยังถือเป็นกิจกรรมที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าทำให้เขานั้น ได้ใช้เวลากับครอบครัวในการทำกิจกรรมนี้ร่วมกันกับน้องๆ อีกด้วย
และที่สุดด้วยความรักการเลี้ยงปลา มากๆ เขาเลยไปเปิดร้านขายปลาอยู่ที่ “เดอะมอลล์ รามคำแหง” โดยร้านแรกของเขา มีชื่อว่า เพื่อนปลา หรือ Fish's Friend ก่อนจะมีการเปิดอีกร้านในภายหลัง มีชื่อร้านว่า “ปลาป๊อบ” เปิดในที่เดียวกัน
http://70-90memory.blogspot.com/2012/07/blog-post_14.html
ที่สำคัญเขายังนับเป็นผู้บุกเบิกนำพันธุ์ปลาหมอสีแปลกๆ สั่งเข้ามาเพาะเลี้ยงเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นคนแรกๆ
ข้อมูลจากเขาเคยให้สัมภาษณ์ ในช่วงปี พ.ศ. 2532 ว่าตัวเขาเองนั้นมีความต้องการที่จะเป็นเกษตกรที่ทำฟาร์มเพาะพันธ์ปลาโดยหวังจะใช้ใช้ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์มาพัฒนาและปรับปรุงในการทำฟาร์มของเขา
โดยสิ่งที่เขานั้นมีความคาดหวังในอนาคตอย่างมากคือ การมีธุรกิจส่วนตัวในด้านการทำฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาสวยงามซึ่งจะเป็นการทำงานที่สามารถร่วมทำกับน้องชายของเขาเป็นงานและธุรกิจของทางครอบครัวที่เขาและน้องๆจะพัฒนาไปด้วยกัน
ที่สุดช่วงปี 2538 ป๊อปเฟดตัวออกจากวงการ แล้วไปเปิดบริษัท “Dr. Fish” นำเข้าปลาหมอสีแปลกๆ และสร้างฟาร์มเพาะเลี้ยงไว้ที่จังหวัดอ่างทอง บ้านเกิด
ช่วงนั้น ป๊อบเคยให้สัมภาษณ์สื่อ บอกเล่าถึงชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข จากการได้ทำในสิ่งที่เขารักและทุ่มเทมานาน ว่ากันว่านั่นคือบทสัมภาษณ์อย่างเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายของเขา
และเราคนไทยก็ไม่ได้ข่าวคราวของเขาอีกเลย แม้แต่ในวันที่เขาจากไป ข่าวของเขาก็แทบหาไม่เจอ นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้นที่ต่างอาลัยกับการจากไปในวัยที่ยังสดใสงดงามและมีพลัง
แต่ที่แน่ๆ หลังจากนั้น ฟาร์ม Dr.Fish ของเขายังอยู่ และเติบโตมาเป็นอย่างดี จากฝีมือของ น้องชายคนรอง "พรรษา ศะศิสมิต" ที่สืบทอดเจตนารมณ์ของพี่ชายมาอย่างดี ถึงขนาดเบนสายงานจากวิศวกร มาเป็นเกษตรกร
โดยเริ่มจากบ่อซีเมนต์จำนวน 12 บ่อ กับตู้เพาะปลาจำนวน 50 ตู้ ซึ่งอยู่ในโรงเรือนที่หนึ่งที่พี่ชายได้ทิ้งไว้ให้ ซึ่งตอนเริ่มแรกมีสายพันธุ์ประมาณ 50 สายพันธุ์ จนต่อมฟาร์มได้ขยายใหญ่โต จนน้องชายของเขาได้รางวัล เกษตรกรดีเด่นรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ของประเทศ ปี 2547 อีกด้วย ซึ่งหากป๊อปได้รู้ก็คงภาคภูมิใจไม่น้อย
ทุกวันนี้ Dr. Fish farm ยังคงอยู่ และมีร้านอยู่ย่านดอนเมือง กรุงเทพ ใครสนใจลองเข้าไปเยี่ยมชมกันก่อนได้ที่เฟซบุ๊ก Dr Fish farm ใครคิดถึงป๊อปไปเยี่ยมชมกันได้ ไปแล้วอาจจะหลงรักปลาหมอสีเหมือนป๊อบไปอีกคน
////////////////
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
http://70-90memory.blogspot.com/2012/07/blog-post_14.html
เฟซบุ๊ก Dr. Fish farm
ข่าวที่เกี่ยวข้อง