เปิดประวัติ 'มาซาทาดะ อิชิอิ' ว่าที่กุนซือ 'ทีมชาติไทย'

หลังจาก ทัพช้างศึก "ฟุตบอลทีมชาติไทย" ลงทำการแข่งขันในศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม C นัดที่ 2 ที่ ทีมชาติไทย บุกไปเอาชนะ ทีมชาติสิงคโปร์ ได้ถึงสนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ด้วยสกอร์ 3-1 คว้า 3 แต้มแรกได้สำเร็จ ซึ่งต่อมาหลังจากนักเตะทีมชาติไทย เดินทางกลับถึงประเทศเพียง 2 ชั่วโมง ได้มีการประกาศยืนยันทางการแยกทางกับ มาโน่ โพลกิ้ง หลังจากผลงานไม่ดี และสมาคมได้มีประกาศแต่งตั้ง "มาซาทาดะ อิชิอิ" ขึ้นมาแทนอย่างเป็นทางการ

โดยวันนี้ คมชัดลึก จะพาไปรู้จัก "มาซาทาดะ อิชิอิ" ชาวซามูไร ว่าที่กุนซือ "ทีมชาติไทย" กันให้รู้จักมากขึ้น ไปติดตามกันได้เลย 

"มาซาทาดะ อิชิอิ" เกิดวันที่ 1 ก.พ. 2510 ปัจจุบันอายุ 56 ปี เกิดที่เมืองอิจิฮาระ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจุนเต็นโด หลังจากเรียนจบ อิชิอิ จึงได้เข้าร่วมทีมเอ็นทีที คันโต แห่งเจแปนซอกเกอร์ลีก (เจลีก ในปัจจุบัน) โดยอยู่กับทีม 2 ปี ได้รับโอกาสลงเล่นถึง 43 นัด ต่อมาจึงได้ย้ายซบซูมิโตโมะ เมทัล (คาชิม่า แอนท์เลอร์สในปัจจุบัน) ในปี 2534

จากนั้นในปี 2535 เจแปน ซอคเกอร์ลีก ถูกยุบและเปลี่ยนชื่อมาเป็นเจลีก ในปี 2536 อิชิอิ ทำผลงานช่วยต้นสังกัดคว้าอันดับ 2 ของเจลีก พร้อมทั้งคว้าแชมป์ฟุตบอลเอ็มเพอเรอร์ คัพ เขาลงเล่นให้กับคาชิม่า แอนท์เลอร์สเป็นเวลา 7 ปี ลงสนามไป 109 นัด ซัดไป 3 ประตู ในช่วงท้ายของการค้าแข้ง เขาได้ย้ายสู่อวิสปา ฟูกูโอกะในปี 2541 พร้อมแขวนสตั๊ดหลังจากจบฤดูกาลด้วยวัยเพียง 31 ปี

หลังจากแขวนสตั๊ด "มาซาทาดะ อิชิอิ" ตัดสินใจออกจากอาชีพลูกหนัง เขาผันตัวไปทำงานเป็นพนักงานศูนย์อาหาร ก่อนจะตัดสินใจคืนสู่สิ่งที่เขารักอีกครั้ง นั่นคือ ฟุตบอล โดยเขากลับมาเป็นโค้ชกายภาพให้อดีตต้นสังกัด คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในปี 2545 เขาใช้เวลาอยู่ 10 ปีเต็ม คลุกคลีกับตำแหน่งนี้ ซึมซับโลกของฟุตบอลมากขึ้น ก่อนจะได้รับโอกาสสำคัญครั้งใหม่ คือการก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ให้กับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในปี 2555 และก้าวขั้นเต็มตัว ในปี 2558 หลังจาก โตนีนโย เซเรโซ กุนซือประจำทีมถูดปลด ทำให้ อิชิอิ กลายเป็นผู้จัดการทีมชาวญี่ปุ่นคนแรกของสโมสรในรอบ 21 ปี  

"มาซาทาดะ อิชิอิ" ผลงานเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา เพราะ เพียงฤดูกาลเดียวเขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์เจลีก และ เข้าชิงฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ FIFA Club World Cup 2016 ก่อนจะพ่าย เรอัล มาดริด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-4 และเขายังคว้ารางวัล ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเจลีก แม้ว่า ในปี 2560 ด้วยผลงานดร็อปลงเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งก็ตาม

แต่ อิชิอิ ก็ว่างงานได้ไม่นาน ภายในปี 2560 เขาได้รับตำแหน่งเข้าคุมทีม โอมิยะ อาร์ดิจา แต่ผลงานไม่สู้ดีนัก จนทีมตกชั้นเข้าสู่ เจลีก 2 แม้ว่าในฤดูกาลถัดมาจะสามารถพาทีมขึ้นมาจบอันดับที่ 5 ของลีกได้ แต่ก็ไม่เพียงพอจะกลับไปสู่ลีกสูงสุด เขาจึงลาออกจากตำแหน่ง

หลังจากนั้น อิชิอิ ได้เข้ารับตำแหน่งกุนซือ สมุทรปราการ ซิตี้ เขาทำได้ดีอย่างมากกับการประเดิมคุมทีมเพียงฤดูกาลเดียว และพา เขี้ยวสมุทร จบอันดับ 6 ของตารางในไทยลีก และยกระดับผู้เล่นไทยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทั้ง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ธีระพล เยาะเย้ย, ปฏิวัติ คำไหม ก่อนฤดูกาลถัดมา ปี 2563-64 สมุทรปราการ ซิตี้ ประสบปัญหาด้านการเงิน ทำให้ต้องปล่อยผู้เล่นไปหลายราย ซึ่งเขาพาทีมจบอันดับ 13 ในเลกแรก ก่อนจะมีประกาศจากสโมสรแยกทางกับ อิชิอิ ด้วยผลงานคุมทีม 50 นัด ชนะ 21 เสมอ 10 แพ้ 19 

ต่อมาเขายังคงอยู่ในไทยลีก เมื่อได้รับข้อเสนอจากทีมดังอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่แยกทางกับ อเล็กซานเดร กาม่า และแน่นอนว่า เขาทำให้ ปราสาทสายฟ้า ไม่ผิดหวังเมื่อพาทีมกวาดแชมป์ทุกรายการทั้งแชมป์ ไทยลีก , เอฟเอคัพ และ ลีกคัพ นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล โค้ชยอดเยี่ยม จาก FA Awards 2021 และต่อมาเมื่อฤดูกาลทีผ่านมา 2565-66 เขาก็ยังช่วยทีมคว้าทริปเปิลแชมป์อีกครั้ง และเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย

ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อิชิอิ ตอบรับคำตกลงของ มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ให้เขารับหน้าที่ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย ทำงานร่วมกับ มาโน่ โพลกิ้ง ในเวลานั้น ก่อนที่เวลาต่อมา อิชิอิ จะขอลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว และกลับมารับงานคุมทีมชาติไทย ในเวลาอันใกล้นี้