เปิดประวัติ 'วรพจน์ เพชรขุ้ม' ดีกรีไม่ธรรมดาช่วย ทีมชาติไทย คว้าเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์2004 และยังจบ ป.โท เหมือนล่าสุด ร้อยตำรวจหญิง แต่ 23 ปียังอยู่แค่ จ่าสิบตำรวจ
จากกรณีของ อดีตนักร้องลูกทุ่ง และ นางงาม วัย 27 ปี ที่เข้าสู่การรับราชการตำรวจ และ ใช้เวลาเพียง 4 ปี สามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นถึง ร.ต.อ.หญิง ยศร้อยตำรวจเอกหญิง หรือ ผู้กอง โดยมีการโพสต์ ระบุข้อความว่า "เป็นผู้กองแล้วน้าาาา ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ให้คุณพ่อคุณแม่ ประดับยศเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ #แคทอาทิติยา"
ทั้งนี้ล่าสุด อดีตกำปั้นทีมชาติไทย "วรพจน์ เพชรขุ้ม" เจ้าของเหรียญเงินจากโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ได้ออกมาพูดถึงกรณีดังกล่าว หลังจากได้เข้ารับราชการและทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แต่แทบไม่ค่อยได้รับโอกาสเลื่อนยศเลย หรือเวลาผ่านไปกว่า 23 ปีเต็ม ๆ ยังอยู่แค่ จ.ส.ต. ทั้งที่ทั้งที่น่าจะเข้าข่ายตามกฏ ก.ตร. แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลอะไร
โดยวันนี้ "คมชัดลึก" จะพาไปรู้จักกับ "วรพจน์ เพชรขุ้ม" เกิดวันที่ 18 พฤษภาคม 2524 ปัจจุบันอายุ 42 ปี เป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นบุตรของนายทวีป และนาง บุญสงค์ เป็นลุกคนที่ 5 จากจำนวน 7 คน เริ่มเข้าสู่วงการชกมวย ตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ หลังเห็นพี่ชายไปฝึกซ้อมมวยกับ ลุง ซึ่งก็คือ ใหม่ ธนบุรี ฟาร์ม แล้วทำให้เจ้าตัวเกิดอยากลงสังเวียนขึ้นมาและ เป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางนี้อย่างจริงจัง โดยเขาฝึกซ้อมได้เพียง 4 เดือนเศษก็ขึ้นเวทีขึ้นชกมวยไทยเป็นครั้งแรกในงานวันพ่อ 5 ธันวามหาราช หน้าอำเภอพนม และเอาชนะได้ รางวัลเป็นผ้าขนหนู 1 ผืน
จากนั้น "วรพจน์ เพชรขุ้ม" ในนามมวยไทย ก้องพิทักษ์ เกียรติประสงค์ ตระเวณชกอีก 65 ไฟต์ เป็นมวยดังจาก ภาคใต้ มีชื่อเสนอเตรียมชกในเวทีมาตรฐานในกรุงเทพ ทั้งลุมพินีและ ราชดำเนิน แต่เจ้าตัวติดรายงานตัวที่โรงเรียนกีฬาอุบลราชธานีเสียก่อน ทำให้ต้องทิ้งโอกาสนั้นไปและยังต้องทิ้ง มวยไทย เด็ดขาด เพราะการเข้าเรียนนั้นต้องเดินสาย มวยสากลสมัครเล่น โดยมีไร แมน บุญถม เป็นโค้ชคอยขัดเกลาเชิงมวยเสื้อกล้ามให้ วรพจน์ ฉายแววขึ้นเรื่อย ๆ คว้าแชมป์คัดตัวจังหวัดอุบลราชธานี เดินหน้าต่อไปคว้าเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่ยะลา พักไม่กี่วันไปคว้าแชมป์มวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์ประเทศไทยที่นครสวรรค์อีกด้วย
ก่อนที่ "วรพจน์ เพชรขุ้ม" จะเดินตามความฝันได้อีกขั้น ด้วยการถูกเรียกตัวเข้าแคมป์ทีมชาติไทยอย่างรวดเร็ว และในยุคที่พลเอกสำเภา ชูศรี เป็นนายกสมาคมฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างเยาวชน ส่งแข่งขันต่างประเทศจำนวนมาก ยิ่งทำให้ วรพจน์ พัฒนาอย่างรวดเร็วประเดิมผลงานในเวทีนานาชาติด้วยการคว้าเหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์เยาวชนโลกที่ไต้หวัน แต่เส้นทางในการเลื่อนไปสู่ชุดใหญ่นั้นยากลำบากเพราะในพิกัดฟลายเวต มี สมจิตร จงจอหอ เล่นร่วมอยู่ด้วย ทำให้ตัวเขาเองต้องเลือกขยับไปยังรุ่นแบนตั้มเวต และยังทำให้ได้ดีเมื่อ วรพจน์ มีสถิติซีเกมส์ 5 สมัย 5 เหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 3 สมัย มี 2 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดงและแมตช์ใหญ่ที่ทำให้คนทั้งประเทศจดจำ วรพจน์ คงหนีไม่พ้นโอลิมปิกเกมส์ 2004 ที่เอเธนส์
สำหรับ "วรพจน์ เพชรขุ้ม" สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนบ้านใหญ่ และเข้าศึกษาในมัธยมศึกษาที่โรงเรียนพนมศึกษา (ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1) ก่อนย้ายไปโรงเรียนท่าฉางวิทยาคาร (ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2) และโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และระดับปริญญาโทที่วิทยาลัยทองสุข
ทั้งนี้หลังปรากฎเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่อง การเลื่อนตำแหน่ง ในขณะเดียวกันเฟซบุ๊กของ มนัส บุญจำนงค์ อดีตเหรียญทองโอลิมปิก 2004 ได้มี ชาวเน็ต เข้าคอมเมนต์ว่า มีออกแถลงจากโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วครับว่าเขาจบปริญญาโทมาสามารถเลื่อนจากร้อยตำรวจตรีเป็นร้อยตำรวจเอกฝ่ายในเวลา 2 ปีได้ครับ ซึ่ง มานัส บุญจำนงค์ ตอบกลับว่า "วรพจน์จบปริญาโท ยังเป็นสิบเอกเลยครับ "
ก่อนที่ วรพจน์ ก็เข้ามาคอมเมนต์เช่นกัน โดยระบุว่า " 23 ปีเต็ม ๆ จ.ส.ต. สุด ๆ ครับระบบราชการ ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอ ก็อย่าไปหวังอีกปีกว่า ๆ คงไม่ต้องไปวุ่นวายกะระบบที่ยืนกุมไข่และดีครับผม เหมาะสมครับท่าน "
ข่าวที่เกี่ยวข้อง