"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย" มาสู่จุดเปลี่ยนกับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน เมื่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่ต่อสัญญากับ "มิโยะ โอกาโมโตะ" ซึ่งรับหน้าหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติ โดยปัจจัยที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯเลือกแนวทางนี้ก็คือ การที่ทีมชาติพลาดไปฟุตบอลโลก 2023
หากเปรียบเทียบระยะเวลาของ"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย"นับจากเดินทางกลับจากประเทศนิวซีแลนด์ ภายหลังจบภารกิจ ฟุตบอลหญิงรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป 2023 FIFA World Cup Qualification Inter Confederation หรือ Inter Confederation แข่งขัน(18 - 22 ก.พ. )โดยทีมชาติไทยภายใต้ "มิโยะ โอกาโมโตะ" หัวหน้าผู้ฝึกสอนสัญชาติญี่ปุ่น นำคณะเดินทางกลับมาถึงไทยวันศุกร์ที่ 24 ก.พ. จากนั้น วันอังคารที่ 28 ก.พ. หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ( กกท.) หัวหมาก
คือระยะเวลารวม 5 วัน ที่มีคำตอบต่อบทบาทหัวหน้าผู้ฝึกสอน"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย" ระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับ "มิโยะ โอกาโมโตะ" หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย โดยบทสรุปที่ออกมาก็คือ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตัดสินใจ ไม่ต่อสัญญาการทำหน้าที่ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการสิ้นสุดการทำหน้าที่ของ "มิโยะ โอกาโมโตะ" ให้จบสิ้นลง หรือปิดฉากการทำงานร่วมกับทีมชาติไทย ตลอด 2 ปีเศษ ให้ยุติลง
"ขอขอบคุณ สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น และ โอกาโมโตะ พร้อมทีมงานโค้ชชาวญี่ปุ่น ในการเข้ามาช่วยยกระดับและวางระบบให้กับฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย โดยโค้ชได้เลือกใช้นักฟุตบอลที่มาจากหลากหลายสโมสร ในการติดตามดูฟุตบอลไทย วีเมนส์ลีก ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นสายเลือดใหม่ ได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่มากมาย เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาต่อยอดอย่างเป็นระบบ สมาคมฯ เชื่อมั่นว่าตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ทั้ง ผู้ฝึกสอนชาวไทย ทีมงานโค้ช รวมทั้งนักกีฬา ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในการทำงานร่วมกัน แม้ว่าภารกิจตามสัญญาได้สิ้นสุดลง ก็หวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานและสนับสนุนกันในอนาคตต่อไป" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ระบุ
- ฟุตบอลหญิงรอบเพลย์ออฟฟางเส้นสุดท้าย
การไม่ต่อสัญญาระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กับ "มิโยะ โอกาโมโตะ"ซึ่งกลายเป็นอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ปัจจัยที่เชื่อมโยงคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเป็นประเด็นต่อเนื่องมาจาก การที่ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยไม่ประสบความสำเร็จต่อการได้ไปฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 นับจากการทำผลงานได้ไปฟุตบอลโลก 2015 ที่แคนาดา และ 2019 ที่ฝรั่งเศศ กระทั่งพลาดโอกาสต่อการไปฟุตบอลโลก 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นกลางปีนี้โดยมีนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
ปัจจัยที่มีผลกระทบไปถึงการอยู่บนเก้าอี้ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ของ "มิโยะ โอกาโมโตะ" อยู่ที่ภารกิจในการเข้าแข่งขัน ฟุตบอลหญิงรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป 2023 FIFA World Cup Qualification Inter Confederation หรือ Inter Confederation แข่งขันที่ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่าง18 - 22 ก.พ. ในรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป ซึ่งมีด้วยกันรวม 10 ทีม ประกอบด้วย
ทีมทวีปเอเชีย : ไต้หวัน อันดับ 38 ของโลก , ไทย อันดับ 41 , ทวีปอเมริกาใต้ ชิลี อันดับ 39 , ปารากวัย อันดับ 51 , ทวีปแอฟริกา แคเมอรูน อันดับ 59, เซเนกัล อันดับ 84, ทวีปอเมริกาเหนือ/กลาง เฮติ อันดับ 56, ปานามา อันดับ 57 , ทวีปโอเชียเนีย ปาปัวนิวกินี อันดับ 49 และ ทวีปยุโรป คือ โปรตุเกส อันดับ 22
"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย" ในสถานการณ์เพื่อไปฟุตบอลโลก 2023 ทีมชาติไทยอยู่ร่วมสายเดียวกันกับ แคเมอรูน และ โปรตุเกส เงื่อนไขของฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ( ในขณะนั้น) ต่อโอกาสที่จะผ่านเข้าไปเล่นรอบ 32 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2023 กลางปีนี้ อยู่ภายใต้เงื่อนไขในสองแนวทางก็คือ ข้อแรก ไทย ต้องเอาชนะต่อแคเมอรูน และข้อที่สองไทยต้องชนะต่อโปรตุเกส ซึ่งผลการแข่งขันนัดแรก คือวันเสาร์ที่ 18 ก.พ. แคเมอรูน เอาชนะ ทีมชาติไทย 2-0 เท่ากับว่าฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยจบภารกิจทันที ตัดโอกาส ไปไม่ถึงการแข่งขันนัดที่ 2 คือ การพบกับโปรตุเกส โดยเป็นแคเมอรูนซึ่ง พบกับโปรตุเกส และผู้ชนะคู่นี้คือ โปรตุเกส ที่ได้โควตาไป ฟุตบอลโลก
"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย"ตั้งเป้าหมายคือการผ่านเข้าไปสู่"ฟุตบอลโลก"รอบสุดท้าย กลางปีนี้ หลังประสบความสำเร็จได้ไปมาแล้ว 2 สมัย คือ ฟุตบอลโลก 2015 ที่แคนาดา และฟุตบอลโลก 2019 ที่ฝรั่งเศส ดังนั้นฟุตบอลโลก 2023 จึงมีความหมายที่ท้าทาย เพราะเท่ากับการสร้างประวัติศาสตร์ได้ไปฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือทีมชาติไทยพลาดโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์สมัยที่ 3 ต่อการได้ไปฟุตบอลโลก
- จากญี่ปุ่นสู่บทบาทคุมทัพฟุตบอลหญิงทีมชาติ
สำหรับ"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย" อยู่ภายใต้การดูแลของ "มิโยะ โอกาโมโตะ" อดีตผู้ช่วยผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ชุดแชมป์โลกในปี 2018 โดยหัวหน้าผู้ฝึกสอนสัญชาติญี่ปุ่น เข้ามารับงานในการดูแลฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ตั้งแต่ม.ค 64 จนมาถึง 28 ก.พ. 66 โดยมีภารกิจหลักคือดูแลทีมชาติไทยชุดใหญ่ และทีมชาติในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี
ทั้งนี้ มิโยะ โอกาโมโตะ ก่อนมาร่วมงานกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ถือเป็น 1 ใน 8 ผู้ฝึกสอนหญิง ที่เป็นผู้ฝึกสอนระดับ JFA S License ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย บรรลุความร่วมมือกับกับสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ในการสรรหาผู้ฝึกสอนระดับ JFA S License (เทียบเท่า AFC Pro License : หลักสูตรสูงสุดของผู้ทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอล)เข้ามาสนับสนุนภารกิจ ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
ภารกิจของ มิโยะ โอกาโมโตะ นับจากม.ค. 64 คือการเตรียมทีมแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ ซึ่งเป็นรายการคัดเลือกทีมจากทวีปเอเชีย ไปแข่งขันฟุตบอลโลก 2023 ที่ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพร่วม สำหรับ"ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย" ภายใต้การคุมทีมของโค้ชต่างชาติ ในรายของ " มิโยะ โอกาโมโตะ " นับเป็นรายที่สอง ที่ได้รับมอบหมาย เพราะในอดีตฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เคยใช้โค้ชต่างชาติ ซึ่งก็คือ สเปนเซอร์ ไพรเออร์ โดยเฮดโค้ชสัญชาติออสเตรเลีย เข้ามารับงานคุมทีม ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย พ.ค. 59 และก้าวออกไปตำแหน่ง ก.ย. 60 และทีมชาติไทยอยู่ในการดูแลของ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
กระทั่งทีมชาติไทยมาอยู่ในการดูแลของ "มิโยะ โอกาโมโตะ " ซึ่งผลงานสุดท้ายที่ทำไว้คือ พาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย เข้าแข่งขันฟุตบอลหญิงรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีป 2023 FIFA World Cup Qualification Inter Confederation หรือ Inter Confederation และฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ไม่สามารถทำผลงาน เพื่อโควตาไปฟุตบอลโลก 2023 นั่นก็คือจุดสิ้นสุดของ 2 ปีเศษ ต่อการกุมบังเหียนฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ในยุคของ " มิโยะ โอกาโมโตะ " ให้จบสิ้น
เป็นการกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งของฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กับเป้าหมายต่างๆ โดยผู้ที่รับไม้ต่อ คือ นฤพล แก่นสน ซึ่งเคยร่วมงานกับฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ในอดีต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง