ชมสดตอนนี้"ทีมชาติไทย"บู๊"มาเลย์"ฟุตบอลอาเซียนคัพ เดิมพันป้องกันแชมป์

ชมสดทางเว็บไซด์ตอนนี้ที่ บ้านกีฬา (เลือก Live1 | Live2 | Live3 | Live4 | Live5  ฟุตบอล"ทีมชาติไทย" พบ มาเลเซียนัดที่ 2 รอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลอาเซียนคัพ

 

.

 

ผลงานของ "มาเลเซีย"  เหนือ "ทีมชาติไทย"  ในการแข่งขัน"ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2022"   :   AFF Mitsubishi Electric Cup 2022  :  Asean Football Federation (AFF) Cup 2022  : ฟุตบอลอาเซียนคัพ  นัดแรกของรอบรองชนะเลิศ    เสาร์ที่ 7  มกราคม  ที่สนามบูกิตจาลิล   โดยมาเลเซีย  ชนะ ทีมชาติไทย 1-0  ได้ส่งผลให้   สถิติระหว่าง ไทย-มาเลเซีย  ในการพบกัน   นับจากปี 2018   จนมาถึง 2023   เป็น 6  นัด  ของมาเลเซีย ที่ชนะ 3  เสมอ 3    ทั้งนี้เกมนัดที่ 5  คือ    ฟุตบอลถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ แข่งขันในเดือนกันยายน  ที่ผ่านมา  ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลา 1-1  และมาเลเซีย  ชนะจุดโทษ 5-3   มาเลเซีย  จบผลงานด้วยอันดับ 2 ของรายการนี้   ชนะเลิศ  ทาจิกิสถาน ส่วนไทย อันดับ 3   และอันดับ 4  ตรินิแดดและโตเบโก 

 

 

 

การพบกันในเวลา 19.30  น.    วันนี้   (  อังคารที่ 10  มกราคม  ) ของฟุตบอลอาเซียนคัพ  หรือ  ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2022  นัดที่ 2  ของรอบรองชนะเลิศ  โดย   "ทีมชาติไทย " เปิดบ้าน สนามธรรมศาสตร์รังสิต  พบ ทีมชาติมาเลเซีย  จึงมีความหมายต่อทั้ง  2  ทีม     ฝั่งของไทย  สำหรับทีมชาติชุดใหญ่  ภายใต้การนำของ มาโน่ โพลกิ้ง   หัวหน้าผู้ฝึกสอน  และ  นวลพรรณ  ล่ำซำ   "มาดามแป้ง"  ผู้จัดการทีมชาติไทย  เกมนัดนี้  นอกจากความหมายของการแก้มือ  หรือ แก้ไขความผิดพลาด นับจากการพ่ายให้มาเลเซียใน ฟุตบอลถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ     

 

 

 

 

ซึ่งทีมชาติไทย ชุดนั้นมี มาโน่  โพลกิ้ง เฮดโค้ชสัญชาติบราซิล -  เยอรมัน  คุมทีมแล้ว  กรณีของ มาเลเซีย  ซึ่งทำผลงานเอาชนะ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ในการพบกัน  ทั้งฟุตบอลถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ   จนมาถึงฟุตบอลอาเซียนคัพ   คือ "เสือเหลือง" ที่อยู่ภายใต้ การคุมทีมของ   คิม  ปัน  กอน หัวหน้าผู้ฝึกสอนสัญชาติเกาหลีใต้  ที่รับงานคุมทีมชาติมาเลเซีย มาตั้งแต่ต้นปี 2565 

 

 

 

นัยยะของเกมรอบรองชนะเลิศ    ประจำวันอังคารที่ 10  มกราคม มีความหมายต่อทีมชาติไทย  เพราะเป้าหมายที่ถูกวางเอาไว้ตลอดทัวร์นาเมนต์นี้  คือ การป้องกันแชมป์อาเซียนคัพ   หรือ สานต่อการเป็นทีมชนะเลิศ สมัยที่ 2  หลังจากทำได้มาแล้ว  ในการแข่งขัน ฟุตบอลเอเอเอฟซูซูกิคัพ 2020  ที่มีสิงคโปร์ เป็นเจ้าภาพ  โดย ทีมชาติไทย  ชนะ อินโดนีเซีย ในการแข่งขัน 2  นัด ด้วยประตูรวม 6-2    จำนวนของการเป็นแชมป์รายการนี้  นับจากการแข่งขัน ที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1996  คือ ทีมชาติไทย ชนะเลิศ ในรายการนี้ สูงที่สุดรวม 6  สมัย ( 1996 , 2000, 2002,2014,2016 และ 2020 ) ส่วนมาเลเซีย เป็น แชมป์ 1 สมัย  ในปี  2010

 

 

 

 

ผลงานของ"ทีมชาติไทย"ด้วยการคว้าแชมป์ในปี 2020  เหนือ อินโดนีเซีย  แน่นอนว่า คือ 1 สมัย ของความสำเร็จของ "ช้างศึก" ที่เกิดขึ้นในสมัย   นวลพรรณ ล่ำซำ   "มาดามแป้ง" ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติไทย   และเป็นการคว้าแชมป์อย่างเต็มภาคภูมิของ มาโน่  โพลกิ้ง ซึ่งเข้ามารับงาน   หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย สืบต่อจาก อากิระ นิชิโนะ  ที่ลาออก ในเดือนกรกฏาคม 2564  และการรับงานคุมทีมชาติไทย  ตั้งแต่ กันยายน 2564  คือ การพาทีมชาติไทย ชุดใหญ่  คว้าแชมป์ฟุตบอลอาเซียนคัพ   จนเป็นที่มาในการเซ็นสัญญาคุมทีมระยะยาว 

 

 

 

กรณีของฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน   เดิมพันยกแรก  ด้วยการนำทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ   ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2022   ในฐานะจ่าฝูงของกลุ่ม A   มาโน่  โพลกิ้ง  ทำสำเร็จ มาแล้ว  และ  การพบกับมาเลเซีย คือเดิมพันเป็นครั้งที่ 2    อันหมายถึงการที่จะต้องผ่านมาเลเซีย เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ   โดยมีปลายทางคือ การพบกับ เวียดนาม   การประกาศทุ่มสุดตัวเพื่อเป็นโบนัส จาก นวลพรรณ  ล่ำซำ  ผู้จัดการทีมชาติไทย

 

 

 

 ด้วยการมอบเงิน ก้อนที่ 2  คือ 5  ล้านบาท  เพื่อตอบแทน การทำผลงาน   หากไทยสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ คือ การทุ่มสุดตัว เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจอย่างแท้จริง ให้กับทีม  หลังจากมอบเงินก้อนแรก  ซึ่งเป็นเงินส่วนตัว   รวม 5  ล้านบาท  เงินก้อนที่ 2  อีก 5  ล้านบาท   คือ ยอดสุทธิที่ นวลพรรณ  ล่ำซำ   พร้อมจะมอบให้กับทีม (รวม 10 ล้านบาท )  ขอเพียงทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 

 

 

 

การไม่ชนะต่อมาเลเซีย ที่สนามบูกิตจาลิล  นับจากปี 2008 อาจจะเป็นความภาคภูมิใจ ของมาเลเซีย ที่มีต่อ ทีมชาติไทย     โดย  6 ครั้งที่พบกันจนถึงปี 2023   เฉพาะที่สนามแห่งนี้ คือ ชนะ 5   เสมอ 1   เป็น "เสือเหลือง" มาเลเซีย สามารถรักษาผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง เหนือ ทีมชาติไทย  แต่สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน  หรือ  ฟุตบอลอาเซียนคัพ นัดนี้ มีความหมายและนัยสำคัญอย่างยิ่ง ต่อทีมชาติไทย

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน การทุ่มเท ปลุกขวัญกำลังใจ ผู้เล่น ด้วยการทุ่มอัดฉีดยอดสุทธิ 10  ล้านบาท คือ สิ่งที่ นวลพรรณ ล่ำซำ  ผู้จัดการทีมชาติไทย  ได้ทำไปแล้ว และกำลังจะทำเพิ่ม  ส่วน ภารกิจที่สนามอันหมายถึงฟอร์มการเล่น เพื่อเอาชนะต่อมาเลเซีย  คือ การวัดคุณภาพ ในการวางแทคติก ที่จะมาจาก มาโน่ โพลกิ้ง   หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย  เช่นเดียวกับ การทุ่มเท ของ 11 ผู้เล่นทีมชาติไทย   เพราะนี่คือศึกแห่งศักดิ์ศรี   

 

 

 

เป็นเส้นทาง ที่จะพาทีมชาติไทย ไปสู่การป้องกันแชมป์อาเซียนคัพ เสียงเชียร์จากแฟนบอลในสนาม ที่คาดว่าจะสูงถึง 19,000  คน  ที่ธรรมศาสตร์รังสิต  จะเป็นพลังหนุนหลังให้ "ช้างศึก"  ทุบหม้อข้าว เอาชนะ "เสือเหลือง" 

ภาพโดย :  ณัฐกฤต วงศ์วานิช