บิ๊กไทยลีกเคลียร์ปม" ฟุตบอลอาเซียนคัพ"ไร้"วีเออาร์"-หลายชาติลงทุนไม่ไหว
ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 หรือ ฟุตบอลอาเซียนคัพ ที่กลายเป็นปมวิพากษ์ วิจารณ์ ไม่มีการนำเอาเทคโนโลยีช่วยในการตัดสิน หรือ "วีเออาร์"มาใช้ ผู้บริหารบริษัทไทยลีก ผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของไทย ออกโรงชี้แจง ย้ำเทคโนโลยีแบบนี้ ทั้ง 10 ชาติอาเซียน ไม่ได้มีเหมือนกันหมด
กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด บริษัทลูกซึ่งได้รับมอบหมายจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการบริหารจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ และผ่านประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลในระดับสากล ให้สัมภาษณ์กับ " คมชัดลึก"ว่า เทคโนโลยีที่ช่วยในการตัดสินฟุตบอล หรือ VAR : "วีเออาร์" ซึ่ง ไม่มีใช้ ในการแข่งขัน "ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2022" : AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 : Asean Football Federation (AFF) Cup 2022 หรือ ฟุตบอลอาเซียนคัพ หลังเกิดกรณีก้ำกึ่ง ซึ่งมีส่วนได้เสีย ในเกมคู่ ทีมชาติมาเลเซีย พบ ทีมชาติไทย กรณีดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางของสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ AFF ที่เป็นผู้จัดการแข่งขัน
ประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจก็คือในบรรดา 10 ชาติ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน2022 หรือ ฟุตบอลอาเซียนคัพ ไม่ได้มีการใช้ระบบ"วีเออาร์" ในการแข่งขันฟุตบอลในประเทศนั้น ๆ ขณะที่ประเทศไทย มีการนำระบบนี้ มาใช้ตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยใช้ในระบบการแข่งขันไทยลีก 1 หรือ "รีโว่ไทยลีก" ในขณะที่ไทยลีก 2 และไทยลีก 3 ไม่มีระบบนี้รองรับ เพราะมีผลทั้งในส่วนของค่าใช้จ่าย และสนามนั้น ๆ ที่รองรับการติดตั้งระบบ ดังนั้นในกรณีของฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ไม่มีระบบ VAR รองรับการแข่งขัน
เป็นไปภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า ทุกชาติไม่ได้มี วีเออาร์ : VAR มีเพียงบางประเทศ ทำให้ AFF ตัดสินใจให้การแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน อยู่ภายใต้ระบบเดิม ไม่มีเทคโนโลยีช่วยในการตัดสินเข้ามาสนับสนุน สิ่งที่ทำความเข้าใจเพิ่มเติมก็คือ การดำเนินการในแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันออกไป กรณีดังกล่าวจึงมีส่วนต่อการเข้าถึงตัวระบบ เพื่อนำใช้งาน
ดาโต๊ะ ฮัดจ์มิน โมฮัด อามิน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลมาเลเซีย FAM เปิดเผยว่า มาเลเซีย จะเริ่มการใช้ เทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสิน วีเออาร์ : VAR ภายในปีนี้ โดย การดำเนินการของมาเลเซีย ฟุตบอลลีก MFL อย่างไรก็ตามการใช้งานในปีนี้ จะรองรับการแข่งขันในฟุตบอลถ้วย ทั้งรายการ เอฟเอคัพ และมาเลเซียคัพ ในรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ด้วยข้อจำกัด ของการติดตั้งระบบ ซึ่งมีผลไปถึงการแบกรับค่าใช้จ่าย ทำให้ สหพันธ์ฟุตบอลมาเลเซีย ยังไม่พร้อมที่จะใช้ระบบนี้ ครอบคลุมการแข่งขันทุกรายการ