ข่าว

"ทีวีดิจิทัล" ร้อง "กสทช." วินิจฉัย ปมจัดสรรถ่ายทอด "ฟุตบอลโลก" ไม่เป็นธรรม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สมาคมทีวีดิจิทัล" ร้อง "กสทช." เร่งวินิจฉัย ปมจัดสรรถ่ายทอดสด "ฟุตบอลโลก" ไม่เป็นธรรม หลัง กทท. ให้สิทธิ กลุ่มทรูฉายเดี่ยว 32 นัด

เมื่อวัน 21 พ.ย. ตัวแทนสมาคมทีวีดิจิทัล นำโดย นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่พัฒนกิจ ในฐานะกรรมการและที่ปรึกษาสมาคมทีวีดิจิทัล และ นายเดียว วรตั้งตระกูล ในฐานะเลขาธิการสมาคมทีวีดิจิทัล เข้ายื่นหนังสื่อถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.เพื่อขอให้วินิจฉัยเร่งด่วน หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก การจัดสรรสิทธิในการถ่ายทอดสด"ฟุตบอลโลก2022" 

 

     

พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขานุการประธาน กสทช. เป็นตัวแทนมารับหนังสือ กล่าวว่า จะต้องพิจารณารายละเอียดที่ยื่นร้องเรียนมาก่อน การให้สิทธิถ่ายทอดสด เป็นหน้าที่ของกกท.บริหารจัดการ แต่ กสทช. ให้งบสนับสนุน มีMOUกำหนดและมีกฎหมายควบคุมให้เกิดความเป็นธรรมทั่วถึงทุกภาคส่วน

 

กรณีที่ทรูได้สิทธิ์ถ่ายทอดมากกว่าช่องอื่นๆ หากเป็นเช่นนั้นจะต้องหารือกับทางกกท. อีกครั้ง ว่า ต้องไปถึงบอร์ดใหญ่หรือไม่ เพราะมีการอนุมัติหลักการทุกอย่างไปแล้ว ซึ่งผ่านมากทสช.ไม่ทราบว่า ทรูทำสัญญากับกทท. แต่เจตนาของ กสทช. ที่ให้งบไปก็เพื่อที่จะให้ชมได้ทุกช่องทาง ต้องดูได้ทุกช่องทางและฟรี โดยหลังจากนี้คงต้องไปเร่งทบทวนโดยเร่งด่วนถึงกรณีที่เกิดขึ้น 

ด้านนายอดิศักดิ์ ระบุว่า วันนี้มายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ กสทช. วินิจฉัยหลักการการจัดสรรการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ตามบันทึกข้อตกลงที่ให้การสนับสนุนงบประมาณ 600 ล้านบาท จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ที่ระบุว่าจะต้องจัดสรรการถ่ายทอดสดแก่ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงทั้ง 64 คู่ตลอดการแข่งขัน

 

แต่การดำเนินการจัดสรรในครั้งนี้มีข้อสังเกตุถึงความไม่ถูกต้อง เนื่องจาก กกท. กลับให้สิทธิ์กลุ่มทรูให้การสนับสนุนงบ 300 ล้านบาท สามารถ ถ่ายทอดทุกช่องทางทุกแพลตฟอร์มแบบ exclusive ได้สิทธิ์ในการเลือกคู่แข่งขัน 32 คู่ และได้นาทีโฆษณาจากช่องทีวีดิจิทัลที่ร่วมถ่ายทอดจาก กกท.  

 

ส่วน กสทช. สนับสนุนเงิน 600 ล้านบาท ด้วยมติต้องจัดสรรสิทธิ์การถ่ายทอดให้แก่ช่องทีวีดิจิตอล ทั้ง 64 คู่แต่กลับได้รับการจัดสรรสิทธิ์เพียง 32 คู่ และเป็นคู่ที่เหลือจากที่กลุ่มทรูเลือกไปแล้ว มองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ์และเป็นสัดส่วนที่ไม่เป็นธรรมและผิดต่อหลักการ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์กับเอกชนรายใดรายหนึ่งอย่างชัดเจน

 

ทั้งนี้เคารพผลวินิจฉัย แต่ที่ออกมายื่นเรื่องวันนี้ ยืนยันไม่มีปัญหาหรือกีดกันกลุ่มทรู แต่มองว่า กทท.ทำหน้าที่บกพร่อง และหากเป็นไปได้ อยากขอให้ กลุ่มทรูถ่ายทอดสดคู่ขนานกับช่องทีวีจิดิทัล ทั้ง64คู่ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสดูมากขึ้น ไม่ได้จำกัดในการดูช่องใดช่องหนึ่งและ 64 คู่ ก็ไม่ได้ถ่ายทอดเสียเปล่า แต่ช่องอื่นๆจะแบ่งสัดส่วนค่าโฆษณาให้ กกท.ด้วย 60% แต่ละช่องเก็บไว้แค่40%

 

ส่วนที่โซเชียลบอกว่าไม่ได้ลงเงินแล้วพูดทำไมนั้น ขอยืนยันว่า เพราะสมาคมฯมาเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ และยังมองว่า หากจะให้ถ่ายทอดผ่านช่องSDอย่างเดียวก็ไม่คุ้มกับค่าลิขสิทธิ์ เพราะซื้อมาแบบความคมชัดสูง

 

นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ผู้เจรจาคนแรก คือ กทท. ที่ต้องไปเจรจาลิขสิทธิ์ แล้วค่อยมาคุยกับเอกชน ซึ่งควรจะต้องเจรจา 2-3 ปี ก่อนมีการแข่งขันฟุตบอล ไม่ใช่คุยไม่กี่วัน แล้วมาติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก อยากถามกทท.ว่า ทำไมประเทศในอาเซียนเจรจาลิขสิทธิ์ราคาต่ำกว่าหมด ทำให้ประเทศเสียหาย อีกทั้ง ทำไมต้องมานำเงินของกสทช. เพราะจริงๆแล้วกทท. ก็มีเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

 

ด้าน นายเดียว ระบุด้วยว่า หากมองสัดส่วน กองทุน กทปส. ก็คือ 50% ซึ่งใน64คู่ ก็น่าจะแบ่งสิทธิประโยชน์ได้ ผู้สนับสนุนหลักคือ กทปส.ที่สนับสนุน600ล้านบาท แต่ได้สิทธิน้อยกว่า เม็ดเงินรองลงมาคือ300ล้านของทรู ทำไมถึงไม่เท่าเทียมในสิทธิพื้นฐานของหลักการ ที่ กสทช.ให้เงินไปสนับสนุนการถ่ายทอด จึงเป็นหลักการที่ไม่ทั่วถึงเป็นธรรมหรือไม่    

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ และ นายเดียว วรตั้งตระกูล

logoline