"กกท."ลมใส่ ค่าลิขสิทธิ์ ถ่ายทอดสด ศึก "ฟุตบอลโลก2022" ทะยาน 1.6 พันล้าน

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย  ( กกท. ) เปิดเผยว่า   ขณะนี้วงเงินล่าสุดในการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ "ถ่ายทอดสด " fifa world cup   "ฟุตบอลโลก 2022" มีความเป็นไปได้ว่า  ภาครัฐอาจจะต้องใช้เงินลงทุนในการซื้อลิขสิทธิ์จากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ( ฟีฟ่า )  ผ่านตัวแทน ที่รับมอบอำนาจจากฟีฟ่า  คิดเป็นเงินไทยสูงถึง 1,600 ล้านบาท   ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญ ที่ผลักดันให้ค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022  อยู่ในเกณฑ์ที่สูงเนื่องจาก ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ ทราบดีว่าประเทศไทย มีข้อกำหนดในเรื่องของการ  สนับสนุนการรับชมถ่ายทอดสด   มหกรรมกีฬาที่สำคัญ    

อีกทั้งด้วยมูลค่าของกีฬาที่เป็นแม่เหล็ก  หรือมหกรรมกีฬาระดับโลก  จึงตรึงราคาเพดานลิขสิทธิ์ไว้ค่อนข้างสูง   อย่างไรก็ตามทางฝ่ายไทยเอง ยังมีการพยายามเจรจาต่อรองค่าลิขสิทธิ์ "ถ่ายทอดสด" การแข่งขัน"ฟุตบอลโลก 2022" ให้ได้ราคาที่เหมาะสม และไม่ถูกเอาเปรียบจนเกินไป   สำหรับประเทศไทย ความเป็นไปได้ ต่อการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022  ที่ประเทศกาตาร์ เป็นเจ้าภาพ

มีเพียงหน่วยงานภาครัฐคือ  "คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ" หรือ "กสทช." ที่ดำเนินการผ่านกองทุน  ทราบว่า ภายในวันพุธที่ 9  พฤศจิกายน  คณะกรรมการ กสทช.  จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ว่า จะสนับสนุนงบประมาณ  เพื่อดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด     ส่วนภาคเอกชน   หากต้องการเข้ามาสนับสนุน   ทาง กกท. ในฐานะหน่วยงานกลางที่รับมอบหมาย จากรัฐบาล  ยินดีหากจะเข้ามาร่วมสนับสนุนในการซื้อลิขสิทธิ์

ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการ แม้ว่าใกล้การแข่งขันเข้ามาทุกขณะ คือแข่งขัน 18 พฤศจิกายน  ไปจนถึง 20  ธันวาคม  แต่ก็ยังมีเวลาเพียงพอ  ซึ่งเส้นตายในการดำเนินการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ สามารถทำได้จนถึงก่อนการแข่งขันนัดเปิดสนาม ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน

ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยว่า  วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน   คณะกรรมการของ  กสทช.   จะมีการประชุมและหารือ
ถึงเรื่องดังกล่าว   ตามที่กกท. ร้องขอมา    โดยจะพิจารณาในขั้นตอนดำเนินการ เพื่อเจรจาซื้อลิขสิทธิ์  ว่า กสทช.  จะสามารถสนับสนุนงบประมาณได้มากน้อยเพียงใด  โดยรายละเอียดการพิจารณาจะทราบผลภายในวันพุธที่ 9 

อนึ่ง  ฟุตบอลโลก 2018  ครั้งนั้นภาคเอกชนไทย ประกอบด้วย     บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, ไทยเบฟเวอเรจ, เครือเจริญโภคภัณฑ์, กัลฟ์ เอ็นเนอจี ดีเวลลอปเมนท์, ธนาคารกสิกรไทย, กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์,  พีทีที โกลบอล เคมิคอล, บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น และ คาราบาวกรุ๊ป  ได้ร่วมกันระดมทุน คิดเป็นวงเงินรวม 1,400  ล้านบาท  เจรจาซื้อลิขสิทธิ์  ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก  ซึ่งแข่งขันที่ประเทศรัสเซีย  แพร่ภาพ ผ่านทางช่อง  ทรูโฟร์ยู ช่องอมรินทร์ทีวี และช่อง 5

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
เพิ่มเพื่อน Line: https://lin.ee/qw9UHd2
YouTube Official : https://www.youtube.com/user/KOMCHADLUEK