ข่าว

'เชลซี' กับ 3 ปัญหาควรเร่งแก้ไข

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เชื่อว่าแฟนบอล เชลซี คงมีความรู้สึกที่ดี และไม่ดีจากการคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เทรนเนอร์หนุ่มซึ่งเข้ามากุมบังเหียนเฮดโค้ชคนใหม่ของ "สิงห์บลูส์" เป็นซีซั่นแรก

 

 

เนื่องจากผลงานที่ไม่สม่ำเสมอของทีมโดยระหว่างช่วงปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคมปีที่แล้ว พวกเขาทำสถิติชนะติดต่อกัน 7 นัดรวมทุกรายการ ทว่าในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมปีที่แล้ว “สิงโตน้ำเงินคราม” เก็บชัยได้เพียง 2 จาก 7 เกม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของสโมสร ก่อนจะเร่งฟอร์มได้ดีขึ้น และกลับมาฟอร์มสะดุดครั้งใน 2 เกมหลังสุดในลีก

โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ เชลซี เปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ช่วง 26 นาทีแรก 2-2 เมื่อวันที่ 21 มกราคม และหากมองในรายละเอียดเกมก็พบว่าพวกเขาเสีย 2 ประตูจากโอกาสที่ “ปืนใหญ่” ได้ยิง 2 ครั้งตลอดทั้งเกมอีกด้วย

'เชลซี' กับ 3 ปัญหาควรเร่งแก้ไข

“ผมรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเกม โดยเราสมควรที่จะออกนำ 1-0 และควรได้เพิ่มหลังจากนั้น เช่นเดียวกับในช่วงครึ่งหลังที่เรามีโอกาสทิ้งห่างไปอีก อย่างไรก็ตามนี่เป็นเหมือนเรื่องเดิมๆ ที่เราไม่สามารถปิดเกมคู่แข่งได้ ซึ่งในการแข่งขันฟุตบอล ความผิดพลาดพื้นฐานสามารถทำให้เราเสียคะแนนได้” แลมพาร์ด กล่าวหลังเกมดังกล่าว

สิ่งที่โชคดีของเทรนเนอร์ชาวอังกฤษในซีซั่นนี้ คือพวกเขายังรั้งอันดับ 4 ในตารางพรีเมียร์ลีกไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้ว่าจะแพ้ไปถึง 8 จาก 24 เกม เหตุเพราะทีมที่ตามมาไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ทอตแนม ฮอทสเปอร์ และอาร์เซนอล ต่างก็มีผลงานสะดุดเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นจากการที่ทีมไม่สามารถเสริมทัพได้ในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมาจึงทำให้กุนซือวัย 41 ปีไม่ถูกวิจารณ์มากนัก

'เชลซี' กับ 3 ปัญหาควรเร่งแก้ไข

หากมองตามเนื้อผ้า เชลซี ในยุคของ แลมพาร์ด คือทีมที่เล่นเกมรุกได้อย่างดุดันจากการขึ้นเกมของปีก และการวางบอลของแดนกลางที่ค่อนข้างแม่นยำ ทว่าในส่วนอื่นๆนั้นยังมีข้อผิดพลาดหลายจุด จนทำให้พวกเขาต้องเสียท่าให้กับบรรดาทีมเล็ก ไม่ว่าจะเป็น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, บอร์นมัธ, เอฟเวอร์ตัน หรือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

สื่อต่างประเทศได้วิเคราะห์ถึง 3 จุดอ่อนที่ เชลซี ควรแก้ไขโดยด่วนหากพวกเขาอยากจะมีฟอร์มที่มั่นคงขึ้น รวมถึงประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

 

 

การป้องกันลูกเซ็ตพีช

ในฤดูกาลนี้ เชลซี เสียประตูในลีกไปแล้วถึง 32 ประตู ซึ่งถือว่าผิดวิสัยของพวกเขาเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เทรนเนอร์พวกเขาทั้ง อันโตนิโอ คอนเต และเมาริซิโอ ซาร์รี คือกุนซือที่เน้นเรื่องเกม

ประเด็นหลักที่ทำให้พวกเขาเสียประตูง่ายในซีซั่นนี้นอกจากเรื่องแท็คติกของ แลมพาร์ด ที่เน้นการเล่นเกมรุกเป็นหลัก นั่นก็คือ การที่ต้องใช้งานคู่เซ็นเตอร์ที่เป็นดาวรุ่งทั้งคู่อย่าง ฟิคาโย โทโมริ และเคิร์ท ซูมา เป็นหลัก เพราะปราการหลังตัวยืนอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และเพิ่งกลับมาลงสนามได้ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา

'เชลซี' กับ 3 ปัญหาควรเร่งแก้ไข

โดยทั้ง โทโมริ และซูมา ถือเป็นกองหลังคู่กลางที่มีความแข็งแกร่ง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังไม่มากพอ และการสื่อสารที่ยังไม่เข้าใจในบางจังหวะ ทำให้เกิดความผิดพลาดในเกมรับ โดยเฉพาะในการป้องกันลูกกลางอากาศซึ่งพวกเขาทำได้ไม่ดีเลย แตกต่างกับคู่เซ็นเตอร์รุ่นพี่อย่าง จอห์น เทอร์รี และแกรี เคฮิลล์ ซึ่งมีจุดเด่นอย่างมากเรื่องการเล่นลูกโด่ง

นอกจากนั้นอีกหนึ่งปัญหาคือกองกลางของพวกเขาตัวเล็กจนเกินไป ทำให้ไม่สามารถช่วยคู่เซ็นเตอร์ได้มากนักเวลาถูกโจมตีลูกกลางอากาศ ซึ่ง แลมพาร์ด ต้องเร่งแก้ไขด้วยการกำชัยเรื่องแผนป้องกันเวลาเสียลูกเซ็ทพีชให้ดีขึ้นโดยไม่ใช้เรื่องส่วนสูงเป็นจุดแข็ง แต่อาจจะเปลี่ยนมาใช้การเช็คล้ำหน้าที่แม่นยำแทน

 

 

เพิ่มบทบาทของฟูลแบ็กในเกมรุก

โดยแน่นอนว่าด้วยแผนการเล่นที่เน้นเกมรุกทำให้การเติมเกมของทั้งแบ็คซ้าย และขวาของทีมถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ แลมพาร์ด หวังประสิทธิภาพจากจุดนี้

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะคนที่ทำได้ดีมีเพียง เซซาร์ อัซปิลิกวยตา ในตำแหน่งแบ็กขวาที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องทำเกมรุกแต่อย่างใด ทว่าในซีซั่นนี้ดาวเตะดาวสแปนิชทำได้ดีเป็นอย่างมากทั้งจังหวะการเติมแบบสุดเส้น รวมถึงการสอดแทกเข้ามาในเขตโทษเพื่อทำประตู ทว่าผลลัพธ์ก็ยังไม่ดีพอเพราะเขาทำไปเพียง 1 ประตูกับ 3 แอสซิสต์จาก 21 นัดในลีกที่ผ่านมา

ขณะที่แบ็กซ้ายถือเป็นปัญหาสำคัญ เพราะถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นในตำแหน่งดังกล่าวถึง 3 ราย ไม่ว่าจะเป็น มาร์กอส อลอนโซ, เอเมอร์สัน พัลมิเอรี และรีซ เจมส์ ทว่ากลับไม่มีใครที่ยึดตำแหน่งตัวจริงได้ เนื่องจากผลงานที่ยังไม่น่าประทับใจ

'เชลซี' กับ 3 ปัญหาควรเร่งแก้ไข

โดย เชลซี มีผู้เล่นในตำแหน่งปีกที่มีฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เมสัน เมาท์, วิลเลียน และคริสเตียน พูลิซิช ทว่าจากการที่ขาดการประสานงานกับผู้เล่นฟูลแบ็ค ทำให้เกมรุกดูไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร

เป็นเหตุให้ แลมพาร์ด ต้องติวฟูลแบ็กในการประสานกับผู้เล่นแนวรุกทั้งในตำแหน่งปีก และกองหน้าให้มากขึ้น พร้อมเสริมเรื่องความแม่นยำในจังหวะจ่ายบอลเพื่อช่วยทีมในการผลิตสกอร์

ควบคุมเกมให้ดีกว่าเดิม

ในฤดูกาลนี้สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญของ เชลซี คือการควบคุมเกม ซึ่งพวกเขาทำได้ไม่สม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงท้ายเกม ซึ่งตามสถิติระบุว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เสียประตูในช่วง 10 นาทีสุดท้ายซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของเกมในลีกซีซั่นนี้ไปถึง 30%

ถึงแม้ว่า เชลซี มีมิดฟิลด์ที่ครองบอลเก่งทั้ง มัตเตโอ โควาซิช, เอ็นโกโล กองเต และจอร์จินโญ อยู่ในทีม ทว่าส่วนใหญ่แล้ว แลมพาร์ด จะใช้มิดฟิลด์ตัวกลางเพียง 2 รายทั้งในการเชื่อมเกม และตัดเกม

'เชลซี' กับ 3 ปัญหาควรเร่งแก้ไข

และจากการที่ต้องเล่นในเกมรุก และเกมรับของกองกลาง 2 รายตลอดทั้งแมทช์ ทำให้แน่นอนว่าสภาพร่างกายของพวกเขาในช่วงท้ายลดประสิทธิภาพลง ซึ่งส่งผลโดยตรงในเรื่องของการคุมจังหวะของเกมหากโดนแนวรุกของทีมตรงข้ามไล่เพรสซิงใส่

โดยถ้ากองกลางไม่สามารถครองบอลได้ นั่นหมายความว่า “สิงห์บลูส์” เปิดโอกาสใหคู่แข่งได้ทำเกมรุกจนส่งผลเสียต่อทีมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

ดังนั้นสิ่งที่ แลมพาร์ด ควรทำโดยด่วนคือการให้ลูกทีมมีสมาธิในเกมให้ได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษามาตรฐาน และคุณภาพเหมือนกับนาทีแรกที่ลงสนาม

ทั้ง 3 ข้อข้างต้นคือปัญหาที่ แลมพาร์ด ควรเร่งแก้ไขให้กับลูกทีมโดยด่วนเพื่อทำให้ทีมมีผลงานดีขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของซีซั่น และสามารถบรรลุเป้าหมายหลักของสโมสรในขณะนี้นั่นก็คือการรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ เพื่อไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ