ข่าว

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถามว่าซีซั่นนี้นอกจากทีมในบรรดาบิ๊ก 6 ด้วยกันแล้ว ตั้งแต่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ออกสตาร์ทมาจนถึงชั่วโมงนี้ ทีมใดที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ

 

 

ไม่เกินเลยนักหากจะตอบว่า เลสเตอร์ ซิตี โดยเฉพาะกับเกมล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาไล่ถลุง เซาแธมป์ตัน จนเกิดสถิติต่างๆ ตามมามากมาย นอกจากผลลัพธ์ของสกอร์ที่ถล่มทลายแบบสุดกู่

 

 

 

 

 

เซาแธมป์ตัน 0-9 เลสเตอร์ ซิตี

สนาม : เซนต์ แมรีส์

0-1 เบน ชิลเวลล์ น.10

0-2 ยูริ เตียเลมองส์ น.17

0-3 อโยเซ เปเรซ น.19

0-4 อโยเซ เปเรซ น.39

0-5 เจมี วาร์ดี น.45

0-6 อโยเซ เปเรซ น.57

0-7 เจมี วาร์ดี น.58

0-8 เจมส์ แมดดิสัน น.85

0-9 เจมี วาร์ดี (จุดโทษ) น. 90+4


* ไรอัน เบอร์ทรานด์ (เซาแธมป์ตัน) ใบแดง นาที 12

 

 

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

 

 

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

 

 

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

 

 

ตั้งแต่ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเปลี่ยนมาใช้ชื่อพรีเมียร์ลีก นี่คือเกมที่มีการยิงกันขาดลอยที่สุดเทียบเท่ากับครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ อิปสวิช ทาวน์ 9-0 เมื่อมีนาคม 1995

 

ขณะเดียวกันถ้านับรวมบนหน้าประวัติศาสตร์ทั้งหมด การเดินหน้ากะซวกตาข่ายของลูกทีมเบรนแดน ร็อดเจอร์ส หนนี้ เป็นสกอร์ขาดลอยที่สุดในรอบ 131 ปี ของลีกสูงสุดอังกฤษ

 

ส่วนสถิติสโมสรนี่คือการยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 3 ลูก โดยใช้เวลาได้รวดเร็วที่สุดเพียง 19 นาที ของทัพสุนัขจิ้งจอก นับตั้งแต่คราวที่พวกเขาใช้เวลา 8 นาที ในการกะซวกตาข่ายดาร์บี เคาน์ตี เมื่อเมษายน 1998 ในสกอร์เดียวกัน

 

สำหรับ เจมี วาร์ดี กับ อโยเซ เปเรซ สองแนวรุกที่ควงแขนกันระเบิดแฮตทริกได้ทั้งคู่ในเกมนี้ ยังส่งให้ต้นสังกัดของพวกเขาขึ้นแท่นเป็นทีมที่ 2 บนหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่มีนักเตะยิงแฮตทริกได้สำเร็จพร้อมกันถึง 2 คน ต่อจาก อาร์เซนอล ที่โรแบร์ ปิแรส เคยนัดกับ เจอร์เมน เพนแนนท์ ซัดแฮตทริกใส่ทีมนักบุญเช่นเดียวกัน เมื่อปี 2003

 

แน่นอนว่าสถิติเหล่านี้กำลังบ่งบอกว่า ร็อดเจอร์ส และลูกทีมเลสเตอร์ของเขากำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มการเล่นพุ่งขึ้นสูงจนน่าชื่นชมเป็นพิเศษ

 

แต่ตัวเลขผลงานเหล่านี้จะไม่มีทางปรากฏได้เลยหากขาดส่วนผสมเหล่านี้

 

 

พวกเขาสร้างสรรค์โอกาสและเล่นเกมรุกดีเป็นพิเศษ

 

 

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

 

 

ทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไป จากทีมที่เน้นรัดกุมเป็นหลัก ค่อยๆ แปลงโฉมเป็นทีมที่เน้นการครองบอลและอาศัยการสร้างสรรค์โอกาสที่หลากหลายเป็นอาวุธสำคัญในการเข้าทำ แถมเลสเตอร์ชั่วโมงนี้ คือ ทีมที่เน้นเกมรุกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“ในแง่ของการเล่นเกมกดดันคู่แข่งแบบเอาจริงเอาจรังและการเคลื่อนบอลในแบบที่เราทำ ผมภูมิใจกับทีมนี้เอามากๆ” ร็อดเจอร์ส ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมกับเซาแธมป์ตัน

 

“เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพของพวกเรา”

 

“เห็นได้ชัดว่าเราเป็นฝ่ายเริ่มเกมได้ดีกว่า แม้จากนั้นคู่ต่อสู้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบตัวผู้เล่น แต่วิธีที่เราแสดงออกมา โดยเฉพาะรูปแบบการเล่น เราพูดถึงเรื่องนี้ในแง่ของการดำเนินการตามแบบแผนอย่างเคร่งครัด ถ้าเราเป็นฝ่ายเหลือ 10 คนบ้าง เราควรต้องทำอย่างไรและเกมจะมีลักษณะแบบไหน เราเคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อนกับ เบิร์นลีย์ ในซีซั่นที่แล้ว และกับฤดูกาลปัจจุบันอีก 2 เกม ซึ่งเราก็ทำได้ดีเอามากๆ เช่นกัน” กุนซือไอร์แลนด์เหนือ วัย 46 ปี ระบุ

 

ฤดูกาลนี้ เลสเตอร์ ลงเล่นกับทีมที่เหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่าพวกเขาไปแล้ว 2 ทีม คือ เกมล่าสุดที่ไล่อัดเซาแธมป์ตัน และเกมก่อนหน้านี้กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งพวกเขาก็สามารถยิงชนะไป 5-0 นี่พอจะตอกย้ำปรัชญาที่ร็อดเจอร์สและลูกทีมยึดมั่นกันได้พอสมควรทีเดียว

 

 

 

แล้วอะไรทำให้เกมรุกพวกเขาดีแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ?

 

ขุมกำลัง

 

ก่อนจะไปไล่รายชื่อขุมกำลัง “ร็อดเจอร์ส” ชุดนี้ เครดิตอันดับแรกที่ต้องยกความดีความชอบและเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่ ทีมคัดสรรผู้เล่นของพวกเขา ที่หลังจากเคยเจียระไนเพชรเม็ดงามอย่าง ริยาด มาห์เรซ กับ เอ็นโกโล ก็องเต จนขึ้นแท่นดาวเตะแถวหน้าของโลกไปแล้ว

 

 

มาถึงยุคของผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือ ก็ดูทีท่าว่าทีมสรรหานักเตะของพวกเขาจะยังมีสายตาอันเฉียบแหลมเช่นเดิม

 

ดาวเตะอย่าง เจมส์ แมดดิสัน, อโยเซ เปเรซ, เดนนิส ปราต, ยูริ เตียเลมองส์ ที่ซื้อขาดมาในซีซั่นนี้และ ชักลาร์ โซยุนคู ที่ดึงมาร่วมทีมตั้งแต่ปี 2018 แต่เพิ่งมาแจ้งเกิดเต็มตัวซีซั่นนี้ 

 

ทุกรายนามที่กล่าวมาต่างสามารถช่วยยกระดับการเล่นให้แก่ต้นสังกัดของพวกเขาได้ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา

 

แมดดิสัน เจ้าของค่าตัว 20 ล้านปอนด์ ที่ย้ายมาจากนอริช ซิตี ตั้งแต่ซีซั่นก่อน ยกระดับการเล่นในฤดูกาลที่สองด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญแดนกลาง การวางบอล การผ่านบอล มีทีเด็ดทีขาดและสร้างความได้เปรียบให้ทีมบ่อยครั้ง

 

ถึงเวลานี้ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเปิดฉากซีซั่นใหม่มา กองกลางเบอร์ 10 พลาดลงสนามแค่นัดเดียวเท่านั้น พร้อมฝากผลงานยิงไป 3 ประตู กับ 2 แอสซิสต์

 

 

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

 

 

เปเรซ อดีตตัวรุกนิวคาสเซิลเหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งภายใต้สีเสื้อสุนัขจิ้งจอก โดยนอกจาก วาร์ดี ที่เป็นดาวซัลโวของทีม ก็มี เปเรซ, แมดดิสัน กับ เตียเลมองส์ ที่ยิงได้มากสุดในลำดับรองลงมาที่คนละ 3 ลูกเท่ากัน

 

เตียเลมองส์ ดาวเตะอนาคตไกลเบลเยียมขึ้นแท่นเป็นดาวเตะสร้างสรรค์โอกาสได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นก่อน ทำให้ เลสเตอร์ ไม่รอช้าเซ็นสัญญาถาวรทันที 

 

 

ร็อดเจอร์ส เลสเตอร์ ในวันติดเครื่อง

 

 

 

ปัจจุบัน มิดฟิลด์ วัย 22 ปี กำลังขับเคลื่อนเกมกลางสนามกับ แมดดิสัน ได้ไหลลื่นทีเดียวและตั้งแต่เปิดฤดูกาลมายังไม่เคยพลาดลงสนามในลีกแม้แต่นัดเดียว

 

โซยุนคู ตอนที่ทีมเสียปราการหลังหัวใจสำคัญอย่าง แฮร์รี แม็กไกวร์ ไปให้แมนฯ ยูไนเต็ด ทุกคนต่างกังวลว่าแนวรับของทีมจะเสียสมดุลไปมากเพียงใด

 

อย่างไรก็ตามมาถึงเวลานี้หลังผ่าน 10 นัดแรกในลีก แฟนๆ สุนัขจิ้งจอกดูจะลืมชื่อ แม็กไกวร์ อดีตขวัญใจพวกเขาได้เกือบสนิท เมื่อชั่วโมงนี้กองหลังตุรกี วัย 23 ปี ที่ย้ายมาจาก ไฟร์บวร์ก กำลังเล่นได้อย่างเหนียวแน่นแถมยังฉายแววปราการหลังยุคใหม่ที่เล่นบอลกับเท้าได้ดีและสามารถพาบอลไปกับตัวได้

 

แน่นอนว่าหากรักษาระดับการเล่นได้ต่อไป นี่คือ หัวใจแนวรับที่ทีมจะขาดไม่ได้เหมือนกับยุคที่พวกเขาเคยมี แม็กไกวร์ คอยคุมแผงหลังเช่นกัน

 

 

ลุ้นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลง

 

ฤดูกาลนี้หลังผ่าน 10 นัด เลสเตอร์ภายใต้การนำทัพของร็อดเจอร์ส เก็บไปแล้ว 20 คะแนน มากกว่าฤดูกาล 2015-16 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ 1 แต้ม (19 คะแนน จาก 10 นัด) โดยเวลานี้รั้งอยู่ในอันดับ 3 ของตารางคะแนน

 

ภาพรวมตั้งแต่เปิดซีซั่นใหม่มาพวกเขามีสถิติครองบอลอยู่ที่ 55.8% ความแม่นยำในการผ่านบอล 81.8% และยิงไปทั้งหมด 25 ประตู สูงสุดเป็นลำดับ 2 รองจาก แมนฯ ซิตี ทีมเดียว(32 ประตู)

 

นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว

 

แต่จากนี้ก็ต้องรอดูว่าการเปลี่ยนแปลงเที่ยวนี้จะดีพอให้พวกเขาประสบความสำเร็จหรือคว้าผลลัพธ์ที่ต้องการในตอนท้ายได้หรือไม่

 

 

 

ภาพ AFP

เรียบเรียง : พชร นาคจู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ