ข่าว

ส่องความพร้อมก่อนศึก 'แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ 2019' นัดชิงฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มาถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปแอฟริกาใต้ หรือ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ 2019 ที่ประเทศอียิปต์

     หลังขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน มิ.ย. จนสุดท้ายได้ 2 ทีมที่ผ่านเข้ามาสู่รอบชิงดำ นั่นก็คือ เซเนกัล ที่ยังไม่เคยสัมผัสแชมป์ในรายการนี้ จะพบกับ แอลจีเรีย อดีตแชมป์ 1 สมัยเมื่อปี 1990 พร้อมเป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง หลังทั้งคู่เคยพบกันมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม และเป็น แอลจีเรีย ที่เอาชนะไปได้ 1-0 

     โดยกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ทั้ง เซเนกัล และแอลจีเรีย ต่างผ่านอุปสรรคมากมาย จนกระทั่งผ่านเข้ามาสู่รอบชิงแชมป์ได้อย่างสมศักดิศรี ทว่ามีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะหยิบแชมป์ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกาฬทวีปไปครอง

      โดยก่อนนัดชิงชนะเลิศดังกล่าวที่จะมีขึ้นในค่ำคืนนี้ (19 ก.ค.) จะระเบิดศึกขึ้นในเวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ไคโร อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม ทางทีมข่าวกีฬา "คม ชัด ลึก" จะพาไปตรวจความพร้อมของทั้ง 2 ทีม, เส้นทางต่างๆกว่าจะเข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศ, จุดอ่อน-จุดแข็ง รวมไปถึงการจัด 11 ตัวจริง

ส่องความพร้อมก่อนศึก 'แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ 2019' นัดชิงฯ

"เซเนกัล" กับการคว้าแชมป์ครั้งแรก
     เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจพอสมควรสำหรับทัพ "สิงโตแห่งเตรังกา" จะไม่เคยประสบความสำเร็จในฟุตบอล แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆที่เป็นทีมที่มีนักเตะซูเปอร์สตาร์อยู่ในการแข่งขันเกือบทุกสมัย โดยที่ใกล้เคียงมากที่สุดคือในปี 2002 ที่พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่พ่ายจุดโทษต่อ แคเมอรูน 2-3 แบบน่าเสียดาย หลังเสมอกันในเวลาปกติ 0-0 ส่วนในครั้งอื่นๆ เซเนกัล ทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 4 ในปี 1965, 1990 และ2006
     เส้นทางการเข้ารอบชิงชนะเลิศ : เซเนกัล ถูกจับสลากมาอยู่ในกลุ่มซี ร่วมกับ แอลจีเรีย, เคนยา และทานซาเนีย ซึ่งผลปรากฏว่าพวกเขาเก็บได้ 6 คะแนนจาก 3 นัด จากการชนะ ทานซาเนีย 2-0, แพ้ แอลจีเรีย 0-1 และชนะ เคนยา 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานรองแชมป์กลุ่ม
     โดยในรอบต่อมา เซเนกัล โคจรมาพบกับ อูกานดา รองแชมป์กลุ่มเอ ซึ่ง ซาดิโอ มาเน ทำประตูชัยในนาทีที่ 15 ให้ "สิงโตแห่งกาฬทวีป" ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 1-0 ก่อนเอาชนะ เบนิน ด้วยสกอร์เดิมในช่วงต่อเวลาพิเศษ ตีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปดวลกับ ตูนิเซีย
     และ เซเนกัล ต้องยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษอีกครั้ง และได้ประตูชัยแบบโชคช่วยจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ดีแลน บรอนน์ นาทีที่ 110 จนผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
     จุดอ่อน-จุดแข็ง : โดยจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดมากที่สุดของ เซเนกัล คือเรื่องการทำสกอร์ หลังในทัวร์นาเมนต์นี้พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้แบบขาดลอยเพียงแค่ 2 นัด คือในรอบแบ่งกลุ่มกับ ทานซาเนีย และเคนยา ส่วนแมตช์อื่นๆเป็นการเอาชนะได้เพียงประตูเดียว และต้องรอไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องแก้ไขโดยด่วนเพราะในรอบชิงชนะเลิศนั้นการยิง 1 ประตูอาจหมายถึงการตัดสินแชมป์ก็เป็นได้ ขณะที่จุดแข็ง คือ การเล่นเกมรับจากการนำทัพโดย คาลิดู คูลิบาลี เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมแกร่งจาก นาโปลี และยุสซุฟ ซาบาลี แข้งจาก บอร์กโดซ์ หลังเสียไปเพียง 1 ประตูเท่านั้นในทัวร์นาเมนต์นี้
     ความพร้อมล่าสุด : โดยเกมนี้ อาลิอู ซิสเซ กุนซือจะขาดผู้เล่นคนสำคัญ นั่นก็คือ คาลิดู คูลิบาลี กองหลังตัวความหวังหลังเจ้าตัวไปโดนใบเหลืองในเกมรอบรองชนะเลิศกับ ตูนิเซีย ซึ่งเจ้าตัวได้รับไปแล้วในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับ เบนิน ส่งผลให้แข้งวัย 28 ปี จะถูกโทษแบนอัตโนมัติเป็นเวลา 1 เกม ทำให้คาดว่าจะใช้งาน ซาริฟ ซาเน ปราการหลัง ชาลเก04 ลงสนามแทน ส่วนในตำแหน่งอื่นๆไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยจะจัดทีมในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย อัลเฟร็ด โกมิส - ลามีน กาสซามา, ชีกู กูยาเต, อาลิอู ซิสเซ, ยุสซุฟ ซาบาลี - อองรี เซเวต์, ป๊าป บาดู เอ็นเดียเย, อิดริสซา กานา เกย์ - ซาดิโอ มาเน, เอ็มบาย เนียง, เกอิตา บัลเด

ส่องความพร้อมก่อนศึก 'แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ 2019' นัดชิงฯ
 

ความหวังแชมป์สมัยที่ 2 ของ "แอลจีเรีย"

    สำหรับ แอลจีเรีย ถือเป็นชาติที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในทวีปแอฟริกาใต้ช่วงหลัง เหตุสามารถยกระดับตัวเองให้ขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำแห่งกาฬทวีปอย่างสมภาคภูมิจนปัจจุบันทะยานขึ้นมาอยู่ในอันดับ 68 ของโลก รวมถึงเคยหยิบแชมป์รายการนี้มาครองได้แล้ว 1 สมัย เมื่อปี 1990
    เส้นทางการเข้ารอบชิงชนะเลิศ : สำหรับ แอลจีเรีย คือทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นลำดับต้นๆในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังพวกเขาสามารถเก็บชัยได้เกือบทุกนัดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เริ่มจาก ชนะ เคนยา 2-0, ชนะ เซเนกัล 1-0 และชนะ แทนซาเนีย 3-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มซี ส่วนในรอบต่อมาลูกทีมของ ฌาเมล เบลมาดี ยังทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง หลังถล่ม กินี 3-0
    ขณะที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาเกือบจะต้องพลาดท่าต่อ ไอวอรี โคสต์ เต็งแชมป์อีกหนึ่งทีม หลังเสมอ ไอวอรี โคสต์ 1-1 ในเวลาปกติ ก่อนเอาชนะจุดโทษแบบหวุดหวิด 4-3 จนกระทั่งในรอบรองชนะเลิศ แอลจีเรีย โคจรมาเจอกับ ไนจีเรีย ชาติมหาอำนาจลูกหนังแห่งทวีป ซึ่ง ริยาด มาห์เรซ สวมบทฮีโร่ด้วยการยิงฟรีคิกแบบเฉียบขาดในนาทีที่ 90+5 ช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 ต่อจากปี 1990 และ1980
    จุดอ่อน-จุดแข็ง : แน่นอนว่าทัพ "อัล คราดา" มีจุดเด่นเรื่องการเล่นเกมรุกจากการประสานงานของแข้งคีย์แมน ทั้ง โซเฟียเน เฟกูลี, ริยาด มาห์เรซ, อดัม อูนาส และยูเซฟ เบไลลี ที่ยิงรวมกันไปแล้วในทัวร์นาเมนต์นี้กว่า 9 ลูก นอกจากนั้นเรื่องระบบทีมก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ แอลจีเรีย ประสบความสำเร็จ เนื่องจากทุกคนในทีมมีความเข้าใจแท็คติกของกุนซือเป็นอย่างดี ทำให้รูปเกมทั้งการเล่นเกมรับ และรุก เป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนจุดอ่อนของพวกเขาคงจะเป็นเรื่องประสบการณ์ ที่ผู้เล่นบางคนยังเป็นดาวรุ่งอยู่ซึ่งอาจจะมีผลในการเล่นรอบชิงชนะเลิศ
    ความพร้อมล่าสุด : เกมนี้ แอลจีเรีย จะขาดผู้เล่นคนสำคัญ นั่นก็คือ ยูเซฟ อาตัล แบ็คขวาอนาคตไกลจาก นีซ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ขณะที่ดาวเตะรายอื่นๆพร้อมลงช่วยทีมทั้งหมด ด้วยแผนการเล่น (4-1-4-1) ประกอบด้วย ราอิส เอ็มโบลี - เมห์ดี เซฟฟาเน, ไอส์ซา ม็องดี, ฌาแมล เบนลัมรี, รามี เบนเซไบนี - อัดเลเน เกดิอูรา - ริยาด มาห์เรซ, โซฟิยาน เฟกูลี, อิสมาแอล เบนนาเซอร์, ยูเซฟ เบไลลี - บักห์ดัด บูเนดจาห์

ส่องความพร้อมก่อนศึก 'แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ 2019' นัดชิงฯ

     สำหรับทั้ง 2 ทีมเคยพบกันมาแล้วทั้งหมด 22 เกม โดย แอลจีเรีย เป็นฝ่ายเอาชนะได้มากกว่าที่ 13 เกม ขณะที่ เซเนกัล ชนะได้เพียง 4 เกม และเสมอกันไป 5 เกม

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ