'โอไมครอน BA.2.X' โอไมครอน สายพันธุ์ใหม่ ที่กลายพันธุ์มากสุดในปี 2567

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เปิดเผยข้อมูล พบ โอไมครอน กลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ 'โอไมครอน BA.2.X' ในแอฟริกาใต้ มีการกลายพันธุ์ทั้งจีโนมต่างจากบรรพบุรุษโอมิครอนดั้งเดิม BA.2 กว่า 100 ตำแหน่ง กลายพันธุ์ส่วนหนามต่างจาก โอไมครอน BA.2 ถีงกว่า 30 ตำแหน่ง น่าจะเป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ไปมากที่สุด (divergence lineage) ในปี 2567 และเป็นไปได้ว่าจะมีการระบาดเข้ามาแข่งกับ โอไมครอน JN.1 

 

 

จากฐานข้อมูลโควิดโลก จีเสส (GISAID) ได้เผยแพร่รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ โอไมครอน กลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ 'โอมิครอน BA.2.X' (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) จาก ผู้ติดเชื้อโควิด ที่ประเทศแอฟริกาใต้จำนวน 8 ราย ตัวอย่างถูกจัดเก็บจากผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 จากเมืองกัวเต็ง มปูมาลังกา และ ลิมโปโป (Gauteng, Mpumalanga & Limpopo) ประเทศแอฟริกาใต้

 

 

ระบบคอมพิวเตอร์ของ "เน็กซ์เคลด (NextClade)" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สสำหรับการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมของไวรัสกำหนดให้อยู่ในสายตระกูล (clade) 21L 

 

 

ระบบเว็บแอปพลิเคชัน "Pangolin" ที่ใช้ในการกำหนดสายวิวัฒนาการของไวรัส SARS-CoV-2 ได้กำหนดให้ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่นี้อยู่ในกลุ่มสายตระกูล 'BA.2'

 

 

จีโนมส่วนที่สร้างหนามมีลำดับเบสขาดหายไป 2 ช่วงยาว คือ del_15-27 และ del_136-146 

 

 

ส่วนหนามบริเวนที่เข้ายึดเกาะกับผิวเซลล์ (Receptor-Binding Domain ของไวรัสโควิด-19: RBD) มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่นคือ Spike:K417T, Spike:K444N, Spike:V445G และ spike :L452M 

 

 

รหัสพันธุกรรมของ โอไมครอน กลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ 'BA.2.X' แตกแขนงออกมาจากโอมิครอน(บรรพบุรุษ) ดั้งเดิม BA.2 โดยเมื่อเปรียบเทียบกับโอมิครอนดั้งเดิม BA.2 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนามต่างไปมากกว่า 30 ตำแหน่ง มีบางส่วนของจีโนมขาดหายไป 7 ตำแหน่ง อยู่ในส่วนหนาม 3 ตำแหน่ง

 

• 'โอไมครอน BA.2.X' กลายพันธุ์ทั้งจีโนมต่างไปจาก 'โอไมครอน BA.2' มากกว่า 100 ตำแหน่ง
• 'โอไมครอน BA.2.X' กลายพันธุ์บริเวณหนามต่างไปจาก 'โอไมครอน BA.2'  มากกว่า 30 ตำแหน่ง

 

 

สายวิวัฒนาการของ โอไมครอน ของ 'BA.2.X' แตกกิ่งวิวัฒนาการโดยตรงมาจาก BA.2 ดั้งเดิมไม่ได้กลายพันธุ์มาจาก โอไมครอน BA.2.86 หรือ JN.1 ยังไม่มีข้อมูลว่าหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและจับกับผิวเซลล์ได้ดีหรือแย่กว่า โอไมครอน JN.1 ยังไม่ทราบอาการทางคลินิก