แสนอบอุ่น ผู้ว่าฯระยอง-ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ร่วมต้อนรับ 90 ชีวิต ‘แรงงานไทย’ ล็อต 3 จาก ‘อิสราเอล’ ถึงไทย ด้วยสายการบินดูไบ เที่ยวบิน FZ 8991 ก่อนขึ้นรถบัสมารอพบครอบครัว ที่โรงแรม เอสซี ปาร์ค-แรงงานเผยนาทีชีวิตเฉียดตาย-ยอดตายเพิ่มเป็น 28 ราย ขอกลับไทย 7,142 ราย
สถานการณ์ #อิสราเอลฮามาส ที่#ฉนวนกาซา จนเกิดภาวะสงครามเข้าสู่วันที่ 8 แล้ว ขณะที่รัฐบาลไทยทยอยอพพย "แรงงานไทย"ออกจากประเทศอิสราเอล เป็นล็อตที่ 3 ถือว่ามีจำนวนแรงงานไทยมากที่สุด
โดยวันที่ 15 ตุลาคม 2566 เมื่อเวลา 05.40 น. แรงงานไทย ในประเทศอิสราเอล กลุ่มที่ 3 จำนวน 90 คน เป็นเพศชาย 88 คน มีเพศหญิง 2 คน และในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บ 3 คนซึ่งเป็นบุคคลที่ลงทะเบียนขออพยพออกจากพื้นที่ไว้กับทางสถานทูต ได้เดินทางจาก เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ด้วยสายการบิน Fly Dubai เที่ยวบิน FZ 8991
ทันทีที่มาถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา นายไตรภพ วงศ์ไตรลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และ พล.ร.อ.สิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ผู้แทนกองทัพเรือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอล ล็อต 3 จำนวน 90 คน หากบุคคลใด ที่มีอาการบาดเจ็บ ก็จะถูกแยกตัวมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ก่อนแรงงานไทยทั้งหมด จะเข้าจุดคัดกรองโรคติดต่อและผ่านระบบของสํานักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสุขภาพจิต และเจ้าหน้าที่แรงงานจะเข้าชี้แจงรายละเอียดต่างๆ
จากนั้น เมื่อเวลา 06.10 น.กลุ่มแรงงานเริ่มทยอยออกมารับกระเป๋าเดินทาง และอาหารที่ประกอบด้วยผัดกะเพราไก่ ไข่ดาว ไก่ทอด น้ำส้มคั้นและขนมไทย ก่อนทั้งหมดจะทยอยขึ้นรถบัส จำนวน 3 คัน มุ่งหน้าไปที่โรงแรม เอสซี ปาร์ค (SC Park) ย่านวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เพื่อพบกับญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ครอบครัวที่รออยู่ในจุดดังกล่าว
แรงงานไทย เล่านาทีชีวิตเฉียดตาย
ที่โรงแรม SC Park กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 10.00 น. แรงงานไทยรายหนึ่งเล่านาทีชีวิตว่า ซ่อนอยู่หลังคา หลบอยู่สามวันทหารอิสราเอลถึงมาช่วยเหลือให้รอดชีวิต เมื่อเทียบกับเมื่อปี 2565 ก่อนเกิดยิงจะมีสัญญาณเตือนภัย แต่ปีนี้ไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้า แต่การช่วยเหลือนับว่าเร็วมากทำให้รอดชีวิต และเชื่อว่าแรงงานไทยในอิสราเอลทุกคนอยากกลับไทย แต่ยังเข้าพื้นที่ปลอดภัยไม่ได้
แรงงานไทยอีกราย เล่าว่ารถถังทหารเต็มไปหมด กลางวันห้ามออกจากที่หลบภัย เหมือนในหนังสงคราม มีคนนอนตายเกลื่อนถนนไปหมด ที่สำคัญยังมีเพื่อนที่ยังไม่ได้เดินทางกลับมาด้วยเนื่องจากสถานการณ์ในอิสราเอลยังมีความตึงเครียดกับการสู้รบ
ขณะที่แรงงานไทย บางคนบอกอยากกลับไปทำงานที่อิสราเอลต่ออีก แต่ต้องปรึกษากับครอบครัว และรอให้สถานการณ์สู่รบในอิสราเอลมีความปลอดภัยก่อน
นายนัฐพงษ์ นวลจันทร์ วัย 35 ปี หนึ่งใน 90 แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล และบาดเจ็บจากเหตุสงคราม #อิสราเอลฮามาส เล่าว่า เดินทางไปทำงานด้านเกษตรกรรม ที่เมืองอัชเกลอน ประเทศอิสราเอลได้ 4 ปี ระหว่างเกิดเหตุปะทะตนเองอยู่ระหว่างนอนหลับในบ้านพัก ได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัยก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีเข้าที่กำบัง แต่ไม่ทันระเบิดได้ลงมาพอดีจนทำให้ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ ที่บริเวณขาและต้นขาขวา
จากนั้นจึงตัดสินใจหนีออกมาและขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ยอมรับ ระหว่างที่อยู่ท่ามกลางเหตุปะทะต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง ซึ่งยืนยันว่า ไม่กลับไปทำงานแล้ว แม้ว่าจะเหลือสัญยาอีกราว 1 ปีเศษ
ส่วนแผนการอพยพคนไทย วางแผนการบินต่อเนื่อง รวม 6 เที่ยวบิน จนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อให้การช่วยเหลือแรงงานไทยและคนไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ กระทรวงการต่างประเทศ คาดว่าจะช่วยเหลืออพยพกลับคนไทยในอิสราเอลได้กว่า 4,000 คน ภายในเดือนตุลาคมปีนี้
คนไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 28 ราย
มีรายงานสถานการณ์สู่รบ #อิสราเอลฮามาส ที่#ฉนวนกาซา จากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าคนไทยและแรงงานไทยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 28 ราย ได้รับบาดเจ็บ 20 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 ราย และลงทะเบียนขอเดินทางกลับประเทศไทยล่าสุดอยู่ที่จำนวน 7,142 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง