ข่าว

'ภูมิธรรม' ถกรับมือ 'เอลนีโญ' หวั่นแล้ง 3 ปี 'สมศักดิ์' เสนอตั้งศูนย์สั่งการ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ภูมิธรรม' ประชุม คกก.รับมือ 'เอลนีโญ-ลานีญา' หวั่นทำขาดน้ำยาว 3 ปี 'สมศักดิ์' ชงตั้งศูนย์สั่งการ เล็งหยุดโครงการขนาดใหญ่ ทำโครงการเล็กกักเก็บน้ำ ส่วน 'ปลอดประสพ' เสนอ 3 มาตรา ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ และลานีญา ของประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการฯ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองประธานกรรมการ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย และคณะกรรมการเพื่อรองรับสถานการณ์ "เอลนีโญ" และ "ลานีญา" เข้าร่วม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
 

นายภูมิธรรม เวชยชัย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถือว่า เป็นปัญหาใหญ่ เพราะจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้นหากมีการเตรียมการรองรับที่ดี ปัญหาจะเบาบางลง ประชาชนได้รับความทุกข์น้อยลง โดยจะเผชิญปัญหาอีก 3 ปี หากไม่เกิดก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเกิดก็มีการเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนในวันแถลงนโยบายว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพอากาศ เพราะอาจส่งผลกระทบไปถึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย 

สำหรับเรื่องภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น เป็นการคาดการณ์ แต่มั่นใจว่า มีโอกาสเกิดขึ้น จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะน้ำคือชีวิต ถ้าเจอภัยแล้ง 3 ปี เราจะเหนื่อยมาก หลังจากนี้จะหลีกเลี่ยงโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณมาก และมุ่งไปขับเคลื่อนโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้กระจายไปทั่วประเทศ เมื่อเข้าสู่สถานการณ์ปกติก็จะกลับมาเดินหน้าโครงการใหญ่ต่อ ซึ่งอะไรทำได้ นายกรัฐมนตรีให้ทำทันที แต่ถ้าติดขัดก็ให้รีบแก้ไข ซึ่งตนอยากเห็นความคืบหน้า 100 วันแรก เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

ขณะที่นายสมศักดิ์ เสนอตั้งศูนย์สั่งการ ที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมป้องกันภัยแล้งให้ถึงที่สุด ส่วนเรื่องการจัดทำงบประมาณนั้น รัฐบาลเพิ่งเข้ามาใหม่ แล้วเจอภัยแล้ง จึงอาจไม่สอดคล้องกับเรื่องที่จะทำ จึงมองว่า อาจขับเคลื่อนงานตามที่ต้องการไม่ได้ทั้งหมด เพราะด้วยสถานการณ์เอลนีโญ เราต้องมุ่งเน้นไปทำโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้ทั่วถึงทั้งประเทศ เช่น โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ฝายแกนซอยซิเมนต์ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บน้ำ และความชุ่มชื้น ให้ปัญหาภัยแล้งเบาบางลง โดยต้องสามารถรองรับสถานการณ์ภัยแล้งได้ถึง 3 ปี

 

นอกจากนี้ฝ่ายวิศวะควรสรุปรายละเอียดการก่อสร้างฝายให้ชัดเจนว่ามี สัดส่วนเท่าไหร่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่ามีความแข็งแรง และใช้ได้นานกว่าฝายปกติ ดังนั้น การแก้ปัญหาตนมองว่า เราควรเน้นไปทำโครงการขนาดเล็ก เพื่อรักษาความชุ่มชื้น

นายปลอดประสพ สุรัสวดี

ด้าน นายปลอดประสพ ยอมรับว่า ปัจจุบันโลกเราร้อนขึ้น ส่งผลให้เกิดความแปรปรวน รวมถึงประเทศเรา มีทะเลทั้ง 2 ด้าน จึงมีความแปรปรวนสูงมากขึ้น ส่งผลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนปัญหาเอลนีโญ ก็ไม่มีใครเถียงว่าจะไม่เกิด เพียงแต่จะเกิดยาวหรือไม่ ซึ่งหากแย่สุด 3 ปีต่อเนื่อง น้ำก็จะลดลงจนขาดแคลน ดังนั้นเราต้องยอมรับความจริง และต้องเร่งเก็บน้ำ โดยวันนี้ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี 

 

ทั้งนี้นายปลอดประสพ ยังมั่นใจว่า เอลนีโญ เกิดขึ้นแต่จะยังไม่แรงจนกว่าจะเข้าหน้าแล้ง จะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกจำนวนมาก ทั้ง ฝุ่น PM 2.5 จะรุนแรง เกิดไฟไหม้ง่าย นกจะเข้าอาศัยบ้านคนเพราะร้อน โรคระบาดต่างๆจะเกิดขึ้น ไม้ผลจะตาย พืชไร่ใช้น้ำมากจะเสียหาย ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขี้น ด้านน้ำกินน้ำใช้ ก็จะขาดแคลน โดยทั้งหมดนี้ คือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น 

จึงขอเสนอ 3 มาตรการแก้ปัญหาคือ 
1.ยุทธศาสตร์และเป้าหมาย โดยคณะกรรมการชุดนี้ จะเป็นเครื่องมือรัฐบาล ในการบรรเทาผลกระทบ ทั้งระยะสั้น-ยาว 
2.ยุทธวิธีติดตามสถานการณ์เป็นรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน พร้อมสร้างคลังข้อมูลให้ลึกมากขึ้น 
3.ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาขับเคลื่อน 10 คณะ จะทำให้รัฐบาล สามารถรับมือภัยแล้งได้เป็นระบบ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ