ข่าว

พบแล้ว 8 ราย 'โอไมครอน' XBB.1.16 พบดื้อต่อภูมิคุ้มกัน โอกาสติดเชื้อง่ายขึ้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'หมอธีระ' เตือน 'โอไมครอน' XBB.1.16 พบดื้อต่อภูมิคุ้มกัน มีการแพร่เชื้อได้สูง โอกาสการติดเชื้อง่ายขึ้น มากขึ้น ขณะที่ไทยพบผู้ติดเชื้อแล้ว 8 ราย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด19 เริ่มกลับมาเป็นที่สนใจของประชาชนอีกครั้ง ภายหลังเริ่มมีการระบาดของ 'โอไมครอน' XBB.1.16 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ล่าสุดที่พบว่ามีการระบาดอย่างหนักในประเทศอินเดีย โดยในไทยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อ โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16 แล้ว 8 ราย

 

'หมอธีระ' รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ได้โพสต์เตือนสิ่งที่ควรระวังคือ ลักษณะอาการของ XBB.1.16 นั้นยังไม่แน่ชัดว่าแตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมมากน้อยเพียงใด ข่าวจากอินเดียที่ระบุว่า มีอาการไข้สูง และเยื่อบุตาอักเสบนั้น เป็นรายงานจากการสังเกตอาการในผู้ป่วยเด็ก

อย่างไรก็ตาม เท่าที่สืบค้นดู ยังไม่เห็นรายงานวิชาการที่รวบรวมสถิติอาการเปรียบเทียบออกมาอย่างเป็นระบบที่แน่ๆ และมีหลักฐานเป็นรายงานวิชาการออกมาเผยแพร่แล้วคือ ผลพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการ ที่ชี้ชัดว่า XBB.1.16 มีสมรรถนะการแพร่ที่สูงกว่า XBB.1 และ XBB.1.5 โดยที่สมรรถนะดื้อต่อภูมิคุ้มกันพอๆ กัน ซึ่งถือว่าตระกูล XBB.x นั้นถือว่าดื้อสุดเท่าที่มีการระบาดของสายพันธุ์ต่างๆ มาหลายปี

 

 

นอกจากนี้สถิติระบาดในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย สะท้อนชัดว่าติดกันเร็วและมาก โดยทำให้อัตราการตรวจพบผลบวกในผู้ที่มาตรวจนั้นสูงมากกว่าระลอกที่ผ่านมาด้วย 

 

 

ข้อสรุปที่เราได้จากองค์ความรู้ตอนนี้คือ มีโอกาสติดง่ายขึ้น มากขึ้น และพึงระวังเสมอว่า การติดแต่ละครั้งนั้นทำให้ป่วยได้ รุนแรงได้ ลงปอดได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อ Long COVID ด้วย การป้องกันตัวสม่ำเสมอ จะช่วยลดเสี่ยงลงไปได้มาก ทำได้ด้วยตนเองและเกิดประโยชน์ต่อทั้งตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้างในสังคม

 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ได้เผยแพร่ข้อมูลจากหน่วยงานไทยทั้งภาครัฐและเอกชนได้ช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ โควิด-19 และอัปโหลดแชร์บนฐานข้อมูลโควิดโลก 'จีเสส (GISAID)' จำนวนทั้งสิ้น 410 ตัวอย่างในช่วง 2 เดือนครึ่ง (1 ก.พ.-16 เม.ย. 2566) ที่ผ่านมา โดยมีโอไมครอน 12 สายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทยเรียงตามลำดับมีดังนี้

 

  • BN.1.3  68 ราย (22%)
  • BN.1.2  59 ราย (19%)
  • XBB.1.5  45 ราย (15%)
  • XBB.1.9.2  22 ราย (7%)
  • XBB.1.9.1  20 ราย (7%)
  • BN.1.2.3  19 ราย (6%)
  • CH.1.1  18 ราย (6%)
  • BN.1.3.6  17 ราย (6%)
  • BN.1.1  12 ราย (4%)
  • EJ.2  9 ราย (3%)
  • XBB.1.16  8 ราย (3%)
  • BA.2.75  8 ราย (3%)

 

 

โดยพบ โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16 จำนวน 8 ราย และหนึ่งในแปดพบว่ามีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมเป็น XBB.1.16.1

 

 

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้ทำการวิเคราะห์จากรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BN.1.3  ประมาณ 148% และเหนือกว่า XBB.1.5 ประมาณ 90% คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ BN1.3 และ XBB.1.5 ได้ภายใน 2-3 เดือนจากนี้

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ