ข่าว

น่าตกใจ! พบเด็กหลุดจากระบบปีละ 2.5 ล้าน เปิด 3 ข้อเสนอดึงเด็กพ้นความจน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบเด็กหลุดจากระบบปีละ 2.5 ล้านคน เปิด 3 ข้อเสนอเร่งด่วน นโยบาย “ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา” ชูหลักประกันโอกาสการศึกษา 20 ปี ไร้รอยต่อ ระบบการศึกษาหลายทางเลือก ตอบโจทย์ชีวิต

กสศ.รายงานข้อค้นพบ ระบุว่า "เด็กหลุดจากระบบ" การศึกษา แม้ว่าภาครัฐดำเนินนโยบายเรียนฟรีและให้การสนับสนุนนักเรียนที่มาจากครัวเรือนยากจนอย่างต่อเนื่อง พบว่า 1 ใน 5 ของเด็กไทยเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา เพราะความยากจนในระดับรุนแรง หรือประมาณ 2.5 ล้านคน เฉพาะปี 2565 สถิติชี้ว่า มีนักเรียนยากจนพิเศษ 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีประมาณ 900,000 กว่าคน นักเรียนกลุ่มนี้มาจากครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยที่ 1,044 บาทต่อคนต่อเดือน หรือเพียงวันละ 34 บาทต่อคนต่อวัน 

“ผลการศึกษาในอดีตทั้งในและต่างประเทศชี้ว่า รายได้ของครัวเรือนนักเรียนเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการออกกลางคัน  ภาวะความยากจนในระดับรุนแรงบวกกับดักความคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตให้ดีขึ้นกว่าเดิม มีมุมมองอาชีพที่จำกัด  มีผลให้ "เด็กหลุดจากระบบ" อย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะแรงงานด้อยทักษะและมีลูกหลานที่ถูกผลิตซ้ำเส้นทางชีวิตตกอยู่ในวงจรความยากจนข้ามรุ่น” ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. ระบุ

ดร.ไกรยส  กล่าวว่า กสศ. เสนอ 3 ข้อเสนอนโยบายสาธารณะเร่งด่วน เพื่อช่วย "เด็กหลุดจากระบบ" ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษา โดยมุ่งนโยบายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ 

 

 

1.ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีหลักประกันทางการศึกษาให้แก่เยาวชนทุกคนอย่างไร้รอยต่อ   ควรเพิ่มเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไขให้เด็กเยาวชนในครัวเรือนใต้เส้นความยากจน (2,762 บาทต่อคน/ครัวเรือน) จำนวน  2.5 ล้านคน ทุกคน ครอบคลุมทุกการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกช่วงชั้น ทุกรูปแบบการเรียนรู้  เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงและคงอยู่ในระบบการศึกษา ซึ่งงบเรียนฟรี 15 ปี ยังไม่ครอบคลุม ไม่สาสามารถช่วย "เด็กหลุดจากระบบ" ได้

 

 

       
การขยายสวัสดิการเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนให้ครอบคลุมนักเรียนระดับอนุบาลและมัธยมศึกษาตอนปลาย สายอาชีพและเทียบเท่าในทุกสังกัดการศึกษา และทุกรูปแบบการเรียนรู้ เช่น ศูนย์การเรียน บ้านเรียน วิทยาลัยการอาชีพ/เทคนิค  รวมถึงปรับอัตราให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อของค่าครองชีพทางการศึกษา (ไม่ได้ปรับมา 14 ปี) เป็นต้น เพื่อพยุงกำลังซื้อให้ผู้ปกครองยังคงมีกำลังส่งบุตรหลานให้ยังคงเรียนหนังสือ

 

 

 
2.ระบบการศึกษาที่ทุกคนมีทางเลือก ตอบโจทย์ชีวิต หรือ Alternative Education  กสศ. พบว่าระบบการศึกษา ขาดแคลนทางเลือก เป็นสาเหตุสำคัญของการผลักดันให้ "เด็กหลุดจากระบบ" หลุดออกจากระบบการศึกษาและระบบสังคม รัฐควรสนับสนุนให้เกิดหน่วยจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเสมอภาค ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันรายบุคคล มีความยืดหยุ่นทั้งเวลา รูปแบบ และเงื่อนไขในการเข้ารับบริการทางด้านการศึกษา สามารถเรียนแล้วได้วุฒิ ได้งาน ได้เงิน  

 

 

 

ตัวอย่างนวัตกรรมโรงเรียน 3 ระบบ, 1 ตำบล 1 ศูนย์เรียนรู้ชุมชน ,หลักสูตรอาชีพระยะสั้น Upskill & reskill  ,โรงเรียนมือถือ, ศูนย์การเรียน  โดยมีระบบเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่น เช่น ธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank) เป็นกลไกที่ช่วยให้การเรียนรู้ทุกรูปแบบสามารถเทียบโอนหน่วยกิต เชื่อมต่อกันได้ทั้งระบบในทุกระดับ ทำให้การศึกษาตลอดชีวิตเกิดขึ้นได้จริง  ขณะเดียวกันระบบสวัสดิการต้องครอบคลุมทุกรูปแบบการจัดการศึกษาด้วย 

 

 


3.กระจายอำนาจด้วย Hub การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระดับจังหวัดหรือท้องถิ่น  จัดทำนโยบายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อ "ลดความเหลื่อมล้ำ" ของพื้นที่ และเชื่อมโยงความร่วมมือทุกมิติ  รวมถึงจัดตั้งกองทุนลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนากำลังคนระดับจังหวัดหรือท้องถิ่น สามารถพัฒนานวัตกรรมการเงินและการคลัง เพื่อระดมทรัพยากรและบริหารงบประมาณภายในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน  

 

 

 

“นโยบายที่จะนำไปสู่ทางออกจากปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่ยั่งยืนนั้น จึงต้องเป็นมากกว่าความช่วยเหลือในการให้เงินอุดหนุนและทุนให้เปล่า แต่ต้องส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์  ผ่านระบบการศึกษาที่ทุกคนมีทางเลือก ตอบโจทย์ชีวิต สามารถพึ่งพาตัวเองได้ การออกแบบนโยบายเช่นนี้จะไม่เพียงพาเด็กและเยาวชน จำนวน 2.5 ล้านคน จากครัวเรือนยากจน 20% ท้ายของประเทศ ก้าวออกจากวงจรความยากจนข้ามรุ่น  ยังส่งผลต่อระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ชีวิต เด็กเยาวชนทั้งประเทศ และประเทศไทยสามารถก้าวออกจากกับดักรายได้ปานกลางได้สำเร็จภายในช่วงชีวิตของพวกเราทุกคน" ดร.ไกรยส กล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ