ข่าว

'หมอพรทิพย์'ข้องใจ สั่งฟ้องคดี GT200 ทำไมไม่ใช้ข้อมูลเดิม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'หมอพรทิพย์' เปิดใจหลังมีการสั่งฟ้องในคดี GT200 ตั้งข้อสังเกต ทำไมจึงตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาใหม่ ไม่ช้ข้อมูลจาก 2 อนุกรรมการเดิมมาประกอบ

รายการ คมชัดลึก เนชั่นทีวี พูดคุยกันในประเด็น “หมอพรทิพย์” เผยปมแค้นเชื่อ เบื้องหลังฟ้อง GT200 พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้ถูกฟ้องร้องความเสียหายในการสั่งซื้อเครื่อง GT200 ได้เปิดใจถึงเรื่องการถูกสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า เท่าที่จำความได้ในเรื่องนี้ ในตอนตั้งสถาบันขึ้นมาปี 2546 เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในภาคใต้ ทางทหารขอให้เข้าไปช่วยงาน ในการทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานพบว่า เครื่องมือ GT200 มีผลในการช่วยการทำงานได้จำนวนมาก ชี้ผลการตรวจพบระเบิดจำนวนมาก จากนั้นทางทหารจึงมอบเงินให้จำนวนหนึ่ง ในการสั่งซื้อเครื่องมือแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ค่อยเชื่อถือในหลักการทำงาน

เปิดใจหมอพรทิพย์

แต่จากผลการสกรีนเป้าหมายของเครื่องมือตัวนี้ ก็ได้ผลในการทำงาน จึงนำมาซึ่งการสั่งซื้อ ด้วยเหตุผลว่า ทางอังกฤษก็มีการใช้งาน ในอิรักก็มีการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ในกองทัพก็มีการใช้กันอยู่ และยืนยันว่าเครื่องมือนี้ ใช้พิสูจน์เป้าเบื้องต้น ไม่ได้ใช้ในการชี้เป้าตัวบุคคล รวมทั้งในสถานการณ์ที่มีการลอบวางระเบิดบ่อยครั้ง การทีมีอุปกรณ์มาช่วยเหลือในการทำงาน อย่างน้อยให้ได้ผลแม้จะเพียง 5-10% ก็ควรที่จะนำมาใช้ 

เรื่องที่นำมาสู่การฟ้องร้องเริ่มต้นในปี 2553 อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนท่านหนึ่ง ร้องเรียนว่ามีการใช้เครื่องGT200ในการดำเนินคดีบุคคล ซึ่งไม่มีทางที่เป็นไปได้ เป็นแค่การชี้เป้าเบื้องต้น การที่อนุมัติให้ซื้อเครื่องนี้มาใช้ ส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่ากองทัพบกจัดซื้อไปแล้ว

 

เมื่อในรายการได้มีการถามว่าจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองว่าเรื่องนี้เป็นความตัดสินใจผิดพลาดหรือไม่ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการตัดสินใจผิดพลาด ด้วยในวันนั้น เวลานั้น มันมีระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกทีมตนเองก็โดน ส่วนตัวไม่เคยเสียใจที่สั่งซื้อเครื่องGT200 แต่เสียใจว่า คนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แล้วไม่เข้าใจว่าการทำงานในความอันตราย ไม่เข้าใจหัวใจคนทำงานที่ไม่ต้องการให้เสียดินแดน ไม่ต้องการให้เกิดความไม่เป็นธรรม และนำมาสู่การก่นด่าอย่างรุนแรง ยอมับว่าเสียความรู้สึก แต่ไม่เปลี่ยนใจและจะสู้ให้เรื่องนี้จบให้ได้ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ดี แล้วการใช้งาน มีตัวอย่างจากกองทัพบกอังกฤษ ส่งผลให้เกิดความอุ่นใจกับลูกทีม เพราะลูกทีมเป็นส่วนสำคัญในการทำงาน ทำให้มีความอุ่นใจในการทำงาน เวลาไม่มีกำลังสนับสนุนการลงพื้นที่จากทหาร 
 

เปิดใจหมอพรทิพย์
ต่อคำถามว่าเรื่องนี้หนักที่สุดในชีวิตหรือไม่ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ ตอบว่า เป็นเรื่องที่หนักที่สุดในชีวิตแต่ไม่ใช่ต่อตนเอง ด้วยมีความเชื่อในหลักธรรมะ กรรมเป็นของตัวเองไม่ผิดคือไม่ผิด ยังไงก็รอด แต่ที่เสียใจคือทีมงานที่อุส่าห์ไปช่วยเหลือในการทำงานโดนฟ้องร้องด้วย ทำให้มีความรู้สึกว่า เพราะเขาไม่แม่นระเบียบ แต่เพราะมีความพยายามจะจัดการหมอพรทิพย์ให้ได้ จึงซวยกันไปหมดทุกคน 
 

ในส่วนของการดำเนินการฟ้องร้องนั้น จากเรื่องที่เกิดขึ้นในปี2553 ที่เป็นประเด็นใหญ่ จนมาถึงประเด็นการฟ้องร้อง พญ.คุณหญิง พรทิพย์ ในปี 2564 ช่วงเวลาที่หายไปนั้น หมอพรทิพย์ เล่าให้ฟังว่า ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบตั้งแต่ปี 2553 -2555 มีด้วยกัน 2 อนุกรรการ และมีความเห็นออกมาไม่ใช่ความผิดของคนซื้อ แต่เป็นความผิดในการหลอกลวงของบริษัทที่นำมาขาย

เปิดใจหมอพรทิพย์

ทางป.ป.ช.ต้องมีคำตอบให้ได้ถึงกรณีนี้เพราะว่าเป็นคดีที่มีผู้ถูกฟ้องร้องมากที่สุดถึงประมาณ 300 คน การตรวจสอบทำงานมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปี 2563 แล้วจากนั้นก็มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาใหม่ ในเดือนพ.ย. 2563 ตั้ง นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน

 

ซึ่งในขณะนั้นเพิ่งจะเข้ามาป.ป.ช.และใช้เวลาเพียงจาก พ.ย.2563 - ก.พ. 2564 มีผลการชี้มูลความผิดออกมา พญ.คุณหญิง พรทิพย์ ตั้งคำถามว่า ระยะเวลา 4 เดือน ใช้ข้อมูลอะไรบ้าง แล้วทำไมมีการเปลี่ยนม้ากลางทาง ซึ่งจะรู้ข้อมูลทั้งหมดของผู้ถูกฟ้องร้องทั้ง 300 คนหรือไม่ จะสามารถให้ความเป็นธรรมได้จริงหรือไม่ และหมอพรทิพย์ ยังมีความสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีการใช้ข้อมูลจากคณะอนุกรรมการ 2 ชุดที่ทำการตรวจสอบก่อนหน้านี้ มาประกอบในการชี้มูลแต่อย่างใด กลับมาใช้ผลการชี้มูลครั้งใหม่  จากนั้น ก็ทำหนังสือชี้แจงตามขั้นตอนไป แต่ไม่เคยรับทราบเรื่องจากนั้น จนมีการมาเผยแพร่จากทางสื่อมวลชนว่า มีการชี้มูลความผิด แต่ตามเป็นจริงในฐานะผู้ถือกล่าวหาชี้มูลความผิด ควรที่จะได้รับทราบความคืบหน้าก่อนสื่อมวลชน


จนเรื่องไปถึงอัยการในการสั่งฟ้อง สถานบันนิติวิทยาศาสตร์ จึงเป็นหน่วยงานเดียวที่ยื่นของความเป็นธรรมกับป.ป.ช. ขอความเป็นธรรมกับอัยการ ในขณะเดียวกัน 2 หน่วยงาน คือหน่วยทหารกับตำรวจในพื้นที่ ไม่เคยรู้เรื่องราวว่าขั้นตอนไปถึงไหน ไม่สามารถได้ใช้สิทธิขอความเป็นธรรม และไม่ได้มีใครมาดูแล
การหาเอกสารของสถาบันฯ ก็ไม่เจอ เพราะเป็นเอกสารเก่าตั้งแต่ปี 2551 แล้วมีการมาฟ้องร้องในปี 2564 การกระทำของคุณหมอที่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ในการซื้ออุปกรณ์ราคาแพง กรมราชองครักษ์ก็ซื้อในราคาเดียวกันกับที่ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ซื้อ เครื่องละ 1.2 ล้านบาท 


เรื่องราวที่เกิดขึ้น มีการตั้งข้อสังเกต หนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช. พญ.คุณหญิง พรทิพย์ กล่าวว่า ในปี 2558 ทางกระทรวงยุติธรรม ในสมัย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิติวิทยาศาสตร์ ในเรื่องการทำงานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กรรมาธิการที่แต่งตั้งขึ้นมา พญ.คุณหญิง พรทิพย์ เป็นตัวแทนไปร่วมประชุม ส่วนใหญ่จะมีแต่นายตำรวจ และมีการแก้ไขต่างๆ จนวันสุดท้ายที่จะเข้า สนช.. พญ.คุณหญิง พรทิพย์ เตรียมการที่จะชี้แจงในเรื่องการแก้ไขส่วนนี้เป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี สนช.ท่านหนึ่งลุกขึ้นอภิปรายโดยที่ไม่ได้รู้จักมาก่อน ไม่ใช่ทหารและตำรวจ ใช้คำตำหนิในการทำงาน ทั้งในคดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ เรื่องสมัยเหตุการณ์สึนามิ และพ.ร.บ.ดังกล่าวก็ผ่านการพิจารณา

 

จนมาถึงปี2563 มีการเสนอชื่อ สนช.หนึ่งใน2คนเข้าเป็น กรรมการป.ป.ช.และข้อมูลในเชิงลึกมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านหนึ่ง แม้จะมีการให้ทักท้วงในวันที่แจ้งการชี้มูลความผิด แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูก คงไม่เป็นอันตราย แต่สุดท้ายก็เป็นผลออกมาตามที่ได้รับทราบกัน จึงทำให้ตั้ง้อสังเกตในการตั้งประธานคณะอนุกรรมการในการตรวจสอบเรื่องคดีGT200 ทั้งที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในปี2563 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ