แพทย์ มช. แจ้งเตือนฝุ่นละออง 'PM2.5' เสี่ยงป่วยโรคมะเร็ง

5 มี.ค.2566 สถานการณ์ฝุ่น "PM2.5" จังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่สูงขึ้น พร้อมทั้งยังส่งผลกระทบอีกยาว ทำให้พื้นที่ในตัวเมืองและรอบนอกเมืองปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน ทุกพื้นที่ และค่า ฝุ่นละออง "PM2.5" เกินค่ามาตรฐาน 

โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่1 รายงานวันนี้ว่า สถานการณ์ฝุ่นควัน ในตำบลสุเทพมีค่า ฝุ่นละออง "PM2.5"  อยู่ที่ 101 มคก./ลบ.ม. ตำบลช้างเผือกมีค่าฝุ่น "PM2.5" อยู่ที่ 98 มคก./ลบ.ม. พื้นที่รอบนอกเมือง เช่น ตำบลฮอต มีค่าฝุ่น "PM2.5" อยู่ที่ 138 มคก./ลบ.ม.

ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหน่วยโรคระบบการหายใจ เวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้อายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เผยว่า จากข้อมูลงานวิจัยว่าในปีหนึ่งจะมีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุเกี่ยวข้องกับ ฝุ่นละออง ขนาดเล็ก "PM2.5" ถึง 40,000 คน

โดยมีผลการศึกษาว่าฝุ่น "PM2.5" ที่เพิ่มขึ้นทุก 10% จะทำให้ผู้ป่วยหอบหืดมาห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น 3% ดังนั้น หากฝุ่น "PM2.5" เพิ่มขึ้นมาเป็น 100% ก็จะมีผู้ป่วยมามากถึง 30% จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้จะมีผู้ป่วยเข้ามาโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้  พบสถิติผู้ป่วย ของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2565 แต่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา นี้ ช่วงที่มีค่า ฝุ่นละออง "PM2.5" เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันหลายวัน โดยผลกระทบระยะยาว จะทำให้อายุขัยสั้นลง มีโอกาสเกิดมะเร็งปอด เป็นโรคความดัน เบาหวาน โรคไต โรคหัวใจขาดเลือดได้ง่ายขึ้นด้วย

ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาล ผู้ว่าราชการจังหวัด และ หน่วยงานด้านสาธารณสุขควรให้ความสำคัญกับปัญหา ฝุ่น "PM2.5" ให้มากกว่านี้ ควรทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะ กลุ่มผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ จะได้รับผลกระทบสูงมาก

การทำความเข้าใจกับประชาชน จะต้องให้งดกิจกรรมนอกอาคารทุกชนิด ทุกกรณี จะต้องอยู่ในห้องที่มีเครื่องฟอกอากาศ และควรพกเครื่องวัดค่าฝุ่น "PM2.5"  จะต้องไม่เกิน 10 มคก./ลบ.ม. แม้จะมีงดกิจกรรมกลางแจ้งและอยู่ในห้องที่ไม่มีเครื่องฟอกอากาศ เทียบแล้ว คุณภาพอากาศจะเลวร้ายไม่ต่างจากภายนอก หาก ประชาชนมีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน สิ่งสำคัญต้องใส่หน้ากากอนามัย แบบ N95 ที่ผ่านการรับรอง เท่านั้น