ข่าว

กรมอนามัย ห่วง 'เด็กเล็ก' กว่า 2.6 ล้านคน อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากฝุ่น PM2.5

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมอนามัย ห่วง ‘เด็กเล็ก’ กว่า 2.6 ล้านคน อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากฝุ่น PM2.5 แนะใช้นวัตกรรมห้องปลอดฝุ่น ตามหลักการ กันฝุ่นเข้า กรองฝุ่นภายในห้อง และดันฝุ่นออก สามารถทำได้ทั้งในที่อยู่อาศัยและที่สาธารณะ

20 ก.พ. 2566 นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เผยในงานประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “นวัตกรรมห้องปลอดฝุ่นและขับเคลื่อนชุมชนเพื่อลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างยั่งยืน”ที่ โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ ว่ากระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ได้ยกระดับปฏิบัติการเพื่อดูแลและคุ้มครองสุขภาพประชาชน หนึ่งในมาตรการสำคัญ คือ การผลักดันให้มีห้องปลอดฝุ่นในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้ประชาชนได้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศสะอาดอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 สูง 

"ห้องปลอดฝุ่น มีหลักการคือ กันฝุ่นเข้า กรองฝุ่นภายในห้อง และดันฝุ่นออก ซึ่งสามารถทำได้ทั้งในที่อยู่อาศัยและสถานที่สาธารณะทั่วไป"

 

โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ควรต้องมีห้องปลอดฝุ่น เนื่องจากเด็กมีอัตราการหายใจเร็วกว่าผู้ใหญ่ และปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะของปอดและคุณภาพชีวิตในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีเด็กเล็ก อายุ 0-6 ปี กว่า 2.6 ล้านคนอยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากฝุ่น PM2.5

ต้นไม้ ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์

กรมอนามัย จึงดำเนินร่วมกับสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ(สสส.) ดำเนินโครงการขับเคลื่อนห้องปลอดฝุ่นเพื่อป้องกันและผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่เสี่ยง พัฒนาแนวทางและสร้างต้นแบบห้องปลอดฝุ่นในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ

อีกทั้งยังได้ร่วมกับกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา แกนนำชุมชน สมาคม และภาคเอกชน แลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการจัดทำห้องปลอดฝุ่น แนวทางการขับเคลื่อนชุมชนอย่างมีส่วนร่วม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและร่วมจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน

 

ดร.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย (WHO Thailand) กล่าวว่า มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่สำคัญเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ไทยเป็นประเทศที่มีการดำเนินงานอย่างเข้มแข็งในการรับมือกับมลพิษทางอากาศ เพื่อลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าว ตามเป้าหมายวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ทั้งการขับเคลื่อนในระดับนโยบาย การปรับปรุงค่ามาตรฐานมลพิษทางอากาศที่คำนึงถึงสุขภาพ และการสื่อสารสร้างความรอบรู้ในระดับชุมชน ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อการคุ้มครองสุขภาพประชาชน

 

ซึ่งในปี 2566 นี้ WHO ร่วมกับกรมอนามัย รวบรวมและเผยแพร่ต้นแบบ (Best Practice) ทั้งนวัตกรรมห้องปลอดฝุ่นและแนวทางการขับเคลื่อนชุมชน ที่มีการจัดการและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่ดี เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ประเทศอื่นๆ ต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ