
เฝ้าระวัง 'ไวรัสมาร์เบิร์ก' หลังกลับมาระบาด อิเควทอเรียลกินี คร่าชีวิต 9 ราย
'ไวรัสมาร์เบิร์ก' กลับมาระบาดหนัก ที่ อิเควทอเรียลกินี เสียชีวิตแล้ว 9 ราย องค์การอนามัยโลก เตรียมหารือด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์
'ไวรัสมาร์เบิร์ก' เชื้อไวรัสตัวร้ายที่กำลังเป็นที่จับตาเฝ้าระวัง เพราะล่าสุดได้มีการระบาดในประเทศอิเควทอเรียลกินี ซึ่งตั้งอยู่ที่ตอนกลางทวีปแอฟริกา โดยได้มีการประกาศให้เป็นโรคระบาดร้ายแรง
พร้อมสั่งล็อกดาวน์ปิดพรมแดน หลังพบผู้เสียชีวิต 9 ราย จากไปร่วมงานศพในจังหวัด Kie-ntem ติดพรมแดนกับแคเมอรูนและกาบอง โดยมี กลุ่มเสี่ยงจำนวน 16 คน สั่งกักตัว 200 คน ซึ่งทาง องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมหารือด่วนเพื่อติดตามสถานการณ์
'ไวรัสมาร์เบิร์ก' มีรหัสพันธุกรรมเดียวกันกับเชื้อ ไวรัสอีโบลา ที่มีความร้ายแรงพอๆ กัน ไวรัสชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งเมื่อปี 1967 ภายหลังเกิดการระบาดที่ มาร์เบริ์กและแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี และ เบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย เกิดจากการติดเชื้อจากลิงกรีเวต ที่ถูกส่งมาจากประเทศยูกันดาเพื่อใช้ในการพัฒนาวัคซีนโปลิโอ
การติดเชื้อหลักเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการเมื่อเจ้าหน้าที่ทำงานกับเนื้อเยื่อของลิงโดยไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันเพียงพอ การติดเชื้อครั้งต่อมาเกิดจากบุคลากรทางการแพทย์สัมผัสเลือดของผู้ป่วย ซึ่งจากการระบาดทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน
อาการเริ่มแรกที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
- มีไข้สูง
- ปวดหัวอย่างรุนแรง
- ปวดกล้ามเนื้อ
อาการที่มักจะตามมาหลังติดเชื้อ 'ไวรัสมาร์เบิร์ก' ได้สามวัน
- ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ
- อาการปวดท้อง
- คลื่นไส้
- อาเจียน
ซึ่งทาง องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ลักษณะทางกายภาพของผู้ป่วยในระยะนี้ จะมีลักษณะเหมือนผี ผู้ป่วยจะมีตาที่ลึก สีหน้าที่ไม่แสดงออกทางอารมณ์ และมีลักษณะเฉื่อยช้าและเซื่องซึมอย่างสุดขีด
คนไข้หลายรายมีภาวะเลือดออกจากส่วนต่างๆ ของร่างกายและเสียชีวิตใน 8-9 วัน นับจากวันที่ล้มป่วยวันแรก เนื่องจากเสียเลือดมากจนเกิดอาการช็อก โดยเฉลี่ยแล้ว ไวรัสคร่าชีวิตของผู้ติดเชื้อไปกว่าครึ่ง แต่สายพันธุ์ที่อันตรายที่สุดมีอัตราเสียชีวิตสูง 88%