ข่าว

มหาดไทย สั่งตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ของ สารวัตรซัว พบไม่จดทะเบียน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ สารวัตรซัว พบข้อมูล ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

ความคืบหน้าในการตรวจสอบ ของ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล ตำแหน่ง สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัด กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง หรือ สารวัตรซัว ว่ามีความเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์และมีการเปิดเผยบริษัท รวมทั้งมูลนิธิ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.วสวัตติ์

มหาดไทย สั่งตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ของ สารวัตรซัว พบไม่จดทะเบียน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า  จากเรื่องราวของพ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล  มีการกล่าวถึง มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ตนในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิในเขตกรุงเทพมหานคร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวทันที

“ขณะนี้ได้รับรายงานจากนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่า กรมการปกครอง โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในข่าวสาร เนื่องจากพบว่า เว็บพนันดังกล่าวอาจมีการแอบอ้างใช้ชื่อและจัดตั้งมูลนิธิชื่อ มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ซึ่งในเบื้องต้นตรวจสอบในฐานข้อมูลแล้วพบว่า

 

ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว ทำให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธินี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย ดังนั้น จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อสืบค้นข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน ณ บ้านเลขที่ 9 อาคารเป็นต่อกรุ๊ป ซอยรามอินทรา 5 แยก 15 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ของมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด 
 

จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ปรากฏป้ายชื่อมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้ารั้วหรือจุดใด ๆ ของสถานที่นั้น พร้อมกันนี้ ได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ได้พบว่าปรากฏป้ายชื่อบริษัทหลายบริษัทติดตั้งไว้ที่รั้วหรือประตูทางเข้าด้านหน้าอาคาร เจ้าหน้าที่จึงสอบถามพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่ปรากฏป้ายชื่อที่อาคารดังกล่าว จึงได้ทราบข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม ” นายสุทธิพงษ์ กล่าว 

มหาดไทย สั่งตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ของ สารวัตรซัว พบไม่จดทะเบียน
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า มีผู้บริหารที่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป เจ้าหน้าที่จึงได้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าตัว ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้ให้ข้อมูลโดยยอมรับว่า มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิแต่อย่างใด เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท เพื่อทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ 

มหาดไทย สั่งตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ของ สารวัตรซัว พบไม่จดทะเบียน

สำหรับการดำเนินการต่อจากนี้ ทางกรมการปกครองจะได้ประสานไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบเว็บไซต์ของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์กับบุคคลที่จดทะเบียนเว็บไซต์ว่าเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 หรือไม่


 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ครบถ้วน รัดกุม หากพบว่าการดำเนินการของมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด เข้าข่ายความผิดตามมาตราดังกล่าวจริง จะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ต่อไป
 

“กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญในการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนของมูลนิธิ สมาคม ตามอำนาจหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีกรมการปกครอง โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ เป็นหน่วยงานดำเนินการ และในพื้นที่ 76 จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนายทะเบียนตามกฎหมาย มีที่ทำการปกครองจังหวัดเป็นหน่วยงานดำเนินการ

มหาดไทย สั่งตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ของ สารวัตรซัว พบไม่จดทะเบียน

ซึ่งได้เน้นย้ำและกำชับให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินงานของมูลนิธิ สมาคม ทุกแห่ง ให้เป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับของแต่ละแห่ง หากพบการกระทำความผิด ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

มหาดไทย สั่งตรวจสอบ มูลนิธิเป็นต่อ ของ สารวัตรซัว พบไม่จดทะเบียน

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสการกระทำความผิด หรือหากสงสัยว่ามูลนิธิ สมาคมใด อาจเข้าข่ายกระทำความผิดในลักษณะต่าง ๆ ที่สร้างความเดือดร้อน หรือแอบอ้าง หรือทำให้สังคมเชื่อได้ว่าอาจนำไปสู่ความไม่เป็นปกติสุขของสังคม สามารถร้องเรียนผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 หรือแจ้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ ทั้ง 878 แห่งทั่วประเทศ” นายสุทธิพงษ์ กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ