“มูลนิธิกองทัพธรรม” ยื่นหนังสือตรวจสอบ “สำนักพุทธ” อมเงินพระสงฆ์ในอเมริกา

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะ และวัฒนธรรม หลังจากเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ได้รับการร้องเรียนจาก พระครูสุตญาณวิเทศ เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุเจติยาราม รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่จ่ายเงินอุดหนุนอุปถัมภ์นิตยภัตพระสังฆาธิการฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มีการทวงถามไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้ว แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงว่าเงินนิตยภัตได้จ่ายให้กับพระรูปอื่นไปแล้ว จึงไม่สามารถจ่ายเงินนิตยภัตให้กับพระครูสุตญาณวิเทศ ได้

 

 และทราบว่ามีพระธรรมทูตอีกหลายรูปก็ไม่ได้รับเงินนิตยภัตเช่นเดียวกัน ดังนั้น ในวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ทางมูลนิธิทนายกองทัพธรรม จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนการจ่ายเงินอุดหนุนอุปถัมภ์นิตยภัตพระสังฆาธิการฯ ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถึงนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ต่อมานายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักพุทธ ได้มีหนังสือชี้แจงในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ว่า สำนักพุทธ มีหลักเกณฑ์ และแนวทางการปฏิบัติงานโดยยึดระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าด้วยการเบิกจ่ายนิตยภัต พ.ศ.2556 และมติมหาเถรสมาคม ส่วนการจ่ายเงินอุดหนุนอุปถัมภ์นิตยภัตฯแก่พระครูสุตญาณวิเทศ ในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 ไม่พบเอกสารการยื่นแบบยืนยันสิทธิ์เพื่อขอรับเงินนิตยภัต 

 

และปีงบประมาณ 2566 พระครูสุตญาณวิเทศ ได้ยื่นแบบยืนยันสิทธิ์เพื่อขอรับนิตยภัต เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ได้เดินทางมายื่นด้วยตนเอง ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในอัตราเดือนละ3,100 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งพระสังฆาธิการผู้มีสิทธิ์รับนิตยภัตทราบ

โดยทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองได้รับหนังสือชี้แจงดังกล่าวเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเป็นมาแต่โบราณกาล เพราะเงินนิตยภัต คือ เงินค่าภัตตาหารที่พระมหากษัตริย์ถวายแก่ภิกษุ และสามเณรเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ที่จะได้รับจะต้องเป็นพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และเปรียญธรรม (ป.ธ.) 9 ประโยค พระเลขาธิการตามพระราชอัธยาศัยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงปัจจุบัน 

 

ต่อมาได้จัดสรรเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลเป็นประจาทุกปี เพื่อเบิกจ่ายถวายอุดหนุนอุปถัมภ์แก่พระภิกษุก่อนปี 2559 พระภิกษุผู้มีสิทธิได้รับเงินนิตยภัต โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งยืนยันเพื่อขอรับเงินนิตยภัตฯทุกปี แต่ต่อมาเมื่อมีการประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 โดยนางสาวประนอม คงพิกุล ปฏิบัติราชการแทนผู้อานวยการ ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้เสนอให้พระสังฆาธิการที่ได้รับนิตยภัตทุกรูปต้องส่งแบบคำขอรับนิตยภัตผ่านธนาคาร พร้อมสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่จะให้โอนนิตยภัตเข้าบัญชีดังกล่าว ภายในเดือนสิงหาคมของทุกปี

 

จากข้อเสนอแนะดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าอยู่หัวฯ การที่เสนอแนะให้พระส่งแบบคำขอเงินนิตยภัต เป็นการที่พระส่งแบบขอรับเงินจากพระเจ้าอยู่หัวฯโดยผ่านงบประมาณแผ่นดิน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ที่มีสิทธิได้รับเงินน่าจะต้องผิดพระธรรมวินัย อาบัติทุกกฎ และอาบัตินิสลัคคิยปาจิตตีย์

 

ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรมระบุว่า ด้วยเหตุนี้ตนเอง จึงขอเรียนมายังประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร นำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณา 3 เรื่องดังนี้ คือ

 1.ขอให้ยกเลิกมติของมหาเถรสมาคมที่ให้พระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ พระเปรียญธรรม 9 ประโยคและพระเลขานุการ ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับเงินนิตยภัตดังกล่าวต้องส่งแบบคำขอรับเงินนิตยภัตภายในเดือนสิงหาคมของทุกปี 

2.ขอให้พิจารณาจ่ายเงินนิตยภัตแก่ พระครูสุตญาณวิเทศ ที่ค้างจ่ายมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน 

 3.ขอให้พิจารณาจ่ายเงินนิตยภัตที่ค้างจ่ายแก่ พระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และเปรียญธรรม (ป.ธ.) 9 ประโยค พระเลขาธิการ พระภิกษุผู้มีสิทธิได้รับเงินนิตยภัตทั้งหมดด้วย

 

ด้านนายนิยม เวชกามา คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมทั้งระบุว่า การที่สำนักพุทธได้จ่ายเงินนิตยภัตให้แก่พระสงฆ์นั้น ถือว่าเป็นการยักยอกเงินพระอย่างไรก็ตาม ตนเองจะติดตามเรื่องนี้ และจะนำเงินนิตยภัตมาคืนให้แก่พระสงฆ์ตามสิทธิทุกรูป