ผบ.ทร. โต้ เครื่องยนต์ "เรือหลวงสุโขทัย" คนละรุ่นกับ จีน แค่ตราอักษร เหมือน

(3 ม.ค.2565) พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เปิดเผยความคืบหน้า การค้นหาผู้สูญหายเหตุ “เรือหลวงสุโขทัย” อับปาง ซึ่งขณะนี้ผ่านมาแล้ว 16 วัน ยังไม่พบร่างผู้สูญหายอีก 5 ราย ว่า กองทัพเรือยังไม่หยุดการค้นหากำลังพลที่สูญหาย และไม่ลดกำลังพล โดยได้มีการส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเรือยาง ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เข้าค้นหาในพื้นที่ตามเกาะแก่งต่าง ๆ และพื้นที่ที่คาดว่าจะพบร่างของกำลังพล ทั้งใน จ.ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์

ส่วนการสอบสวนถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว 2 คณะ โดยจะตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร และต้องมีการสอบสวนกำลังพลที่รอดชีวิต รวมถึงบุคคลภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรือขนส่งสินค้า เรือบรรทุกน้ำมัน ที่เข้ามาช่วยเหลือ โดยไม่ได้เร่งรัด หรือกำหนดระยะเวลาในการสอบสวน เพราะจะต้องดูแนวทาง และปริมาณของงาน เพื่อสามารถชี้แจงให้กับประชาชนได้ 

ขณะที่การสอบสวน ก็จะต้องมีผู้รับผิดต่อผลที่กระทำ โดยมีเจ้ากรมจเรทหารเรือ เป็นผู้รักษาระเบียบของกองทัพเรือ และกำหนดแนวทางการแก้ปัญหา หรือบทเรียนที่จะต้องแก้ไข เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ เนื่องจากมีระเบียบข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิด ในกรณีที่ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย หรือสรรพาวุธได้รับความเสียหาย ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางละเมิด ซึ่งจะรายงานให้กับกองทัพไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการคลัง ว่ามีทรัพย์สินทางราชการสูญเสีย

โดยเบื้องต้นทราบว่า ภายในเรือหลวงสุโขทัย มีสรรพาวุธบางส่วนที่จมอยู่กับเรือ ไม่ว่าจะเป็น ลูกปืนและวัตถุระเบิด ก็ต้องประเมินมูลค่าทรัพย์สินว่าเป็นจำนวนเท่าใด พร้อมยืนยันว่า จะต้องมีผู้รับผิดทางละเมิดและชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งผลการสอบสวนข้อเท็จจริงนี้ จะส่งต่อให้ 2 คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาต่อไป

ส่วนกรณีที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความเชื่อมโยงเรือหลวงสุโขทัย ไปกับเครื่องยนต์เรือดำน้ำว่า เป็นเครื่องยนต์จีนรุ่นเดียวกันนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่า ไม่ใช่เครื่องเดียวกับจีน เพียงแต่เป็นเครื่องที่มีตราอักษร MTU เหมือนกัน อาจเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด พร้อมยอมรับว่า เครื่องยนต์ของกองทัพเรือ 80% ใช้เครื่อง MTU ซึ่งมีหลายรุ่น และหลายเวอร์ชั่น จึงอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้

ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวอีกว่า การนำเสนอข้อมูลที่ใช้คำว่า เขาว่า หรือพูดปากต่อปาก ไม่ใช่สิ่งที่ทางราชการจะสามารถนำเสนอได้ตามอำเภอใจ เพราะผลสอบสวนจะต้องพิจารณาจากพยานที่เกิดเหตุ พยานวัตถุ มาประกอบการนำเสนอ และถ้าถามใครตอนนี้ ก็พูดกันปากต่อปาก ขณะเดียวกัน ตนเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกับ ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัยในเรื่องนี้ด้วย

ส่วนการกู้เรือหลวงสุโขทัยนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มีการประชุม พร้อมกับสำรวจใต้น้ำ ในบริเวณที่เรือจม ประกอบกับมีการวางแผนในการกู้เรือขึ้นมา ทั้งนี้ ต้องดูวิธี เทคนิคที่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่ชำนาญการในเรื่องการกู้เรือ ตามความชำนาญ โดยจะเสนอทางที่ดีที่สุด เพื่อไปพิจารณากับงบประมาณในการใช้จ่าย ส่วนที่มีการเปิดเผยถึงการซ่อมเรือช่วงปี 2561-2563 ว่ามีปัญหา เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวน ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้