ข่าว

"ทนายกองทัพธรรม" นำตร. บุกเชิญ ชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ สอบสงสัยเป็น พระ ปลอม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม่ทัพ "ทนายกองทัพธรรม" พร้อมคณะสงฆ์ นำกำลังตำรวจบุกเชิญตัว ชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ มาสอบที่โรงพัก พร้อมสั่งปลด ทนาย ในสังกัด จ.ลพบุรี หลังขัดคำสั่ง

29 ก.ย.2565  นายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ และคณะสงฆ์ในพื้นที่ รวมถึงฝ่ายปกครอง นำกำลังตำรวจ สภ.บ้านหมี่ บุก "วัดเขาปกล้น" ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อเชิญตัว พระครูบาบุญเลิศ กิติธโร หรือ พระครูปลัดมหาเถรานุวัตร  หรือ นายเมธาศิษฐ์  มาให้ปากคำที่โรงสถานีตำรวจ หลังจากเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.65) เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “แจ้งความเท็จ ,แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ พร้อมทั้งปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม”

 

 

 

 

 

 

"ทนายกองทัพธรรม"  นำตร. บุกเชิญ ชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ สอบสงสัยเป็น พระ ปลอม

 


โดยทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่าเนื่องจากเมื่อวันที่ 5  ก.ค. ที่ผ่านมา ทางทนายกองทัพธรรม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากครูบาบุญเลิศ ว่าถูกคณะสงฆ์ อำเภอบ้านหมี่ กลั่นแกล้ง จากนั้นจึงได้ติดต่อมาที่เจ้าคณะตำบลบ้านชีแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับคำชี้แจง เนื่องจากทางคณะสงฆ์ไม่รู้จักตัวเอง จึงไม่กล้าคุย จนทำให้เข้าใจผิดกัน แล้วนำครูบาบุญเลิศ มาแจ้งความเอาผิดกับคณะสงฆ์บ้านหมี่

 

จากนั้นได้ให้นายสิงห์ไชย์ เข็มทอง ทนายกองทัพธรรม ประจำจังหวัดลพบุรี และทนายกองทัพธรรม จังหวัดอุบลราชธานี เข้ามาสืบหาหลักฐานนานกว่า 2 เดือน แต่กลับพบหลักฐานไม่ชัดเจน อีกทั้งยังมีจุดที่น่าสงสัยหลายอย่าง โดยเฉพาะสำเนาใบสุทธิสงฆ์ ที่พบพิรุธไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตราประทับรับรองจากวัดต้นสังกัดเดิม ถึง 3 ชุด และยังไม่สามารถระบุวัดต้นสังกัดในปัจจุบันได้

 

 

"ทนายกองทัพธรรม"  นำตร. บุกเชิญ ชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ สอบสงสัยเป็น พระ ปลอม

 

 

ตนเองจึงได้เดินทางไปยังวัดโสภณาราม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดที่ครูบาบุญเลิศ อ้างว่า เป็นวัดที่ได้บวชเมื่อปี 2529 จากการสอบถามทราบว่าครูบาบุญเลิศ ได้ไปบวชที่นี้จริง แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ทราบว่าไปจำพรรษาอยู่ที่วัดใด อีกทั้ง ยังพบว่าครูบาบุญเลิศ นำเอกสารปลอมมาใช้อ้างอิง จึงได้แจ้งให้นายสิงห์ไชย์ หยุดทำคดีนี้ แต่นายสิงห์ไชย์ ไม่ฟังเสียง พร้อมยืนยันว่าจะเป็นทนายความให้กับ ครูบาบุญเลิศ ตนเองจึงได้สั่งปลดออกจากทนายกองทัพธรรม ประจำจังหวัดลพบุรี 

 

 

นอกจากนี้ ทางเจ้าคณะตำบลบ้านชี ยังได้ตรวจสอบพบว่าครูบาบุญเลิศ ได้ทำบัตรประชาชนเมื่อปี 2560 โดยใช้คำนำหน้าว่า “นาย” จึงเชื่อได้ว่าครูบาบุญเลิศ ได้พ้นสภาพจากการเป็นพระแล้ว

 

 

 

"ทนายกองทัพธรรม"  นำตร. บุกเชิญ ชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ สอบสงสัยเป็น พระ ปลอม

 

 

ขณะที่เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ บอกว่า อาตมาได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ครูบาบุญเลิศมีพฤติกรรมเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน โดยให้พระจากวัดในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงเข้ามาเรี่ยไรเงิน จึงให้พระปกครองเข้าไปตักเตือน และหยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่ครูบาบุญเลิศไม่ยอมหยุด และยังกระทำต่อเนื่อง ทั้งในออนไลน์ และในจังหวัดต่างๆ ของพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย

 

 

"ทนายกองทัพธรรม"  นำตร. บุกเชิญ ชายแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ สอบสงสัยเป็น พระ ปลอม

 

 

ซึ่งล่าสุด พบว่าเมื่อสองวันก่อน ก็มีคนจากพื้นที่ตลิ่งชัน โทรศัพท์มาแจ้งว่า ครูบาบุญเลิศ ยังไม่หยุดออกเรี่ยไรเงินบริจาค โดยมึหลักฐานเป็นซองผ้าป่า นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบที่วัดธรรมิการาม พบว่าไม่ได้เป็นวัดต้นสังกัดที่ส่งให้ ครูบาบุญเลิศ มาเป็นเจ้าอาวาสวำดเขาปกล้นตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากวัดดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานปฏิบัติธรรม แต่กลับพบว่าครูบาบุญเลิศ ได้เข้ามาปลูกสร้างในพื้นที่สาธารณะของชาวบ้าน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดข้อพิพาทขึ้น

 

ขณะที่ ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า ตนเองต้องทนกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระรูปนี้มานานกว่า20 ปี ในฐานะชาวพุทธรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมดังกล่าว และที่ผ่านมาไม่เคยเห็นครูบาบุญเลิศ ทำกิจของสงฆ์ แต่กลับประพฤติตัวไม่เหมาะสม ทั้งเรื่อง เรี่ยไรเงิน อยู่กับสีกาในกุฎิ สอง ต่อสอง จึงได้ร้องเรียนไปยังคณะสงฆ์จังหวัด แต่ไม่สามารถดำเนินการจับสึกได้ เนื่องจากครูบาบุญเลิศ ได้แอบอ้างเบื้องสูง จึงไม่มีใครกล้าดำเนินการใด ๆ จนล่วงเลยมากว่า 20 ปี แต่ในวันนี้ตนเองเริ่มมีความหวังขึ้นมา เมื่อได้เห็นทนายกองทัพธรรม และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ จึงมั่นใจว่าทนายกองทัพธรรม จะขจัดอลัชชีออกจากพระพุทธศาสนาได้ 

 

 

อย่างไรก็ตาม ครูบาบุญเลิศ ไม่ยอมเดินทางมาที่โรงพักโดยอัางว่าตนเองไม่มีนายสิงห์ไชย ทนายความ ไปด้วยจึงไม่ยอมเดินทางไปที่โรงพัก พร้อมทั้งระบุว่าจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น นอกจากนี้ ครูบาบุญเลิศ ได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศภายในวัด ก็พบผู้หญิงอยู่ในกุฏิ โดยอ้างว่าเป็นแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาด ตามที่ครูบาบุญเลิศ เรียกมาใช้ทำความสะอาด โดยมาเช้าเย็นกลับ 

 

ทั้งนี้ ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า ในคดีนี้ตนเองได้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสวัดโสภณาราม ให้ดำเนินคดีกับครูบาบุญเลิศ ในข้อหา “นำเอกสารฝ่ายสงฆ์ที่ยกเลิกแล้วไปแสดงเพื่อให้ออกหนังสือรับรองเอกสาร” ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 


ติดตามกระแสรายวัน คมชัดลึก ได้ที่
Website -  www.komchadluek.net
Twitter - https://twitter.com/Kom_chad_luek

 

 

 

logoline