ข่าว

"กรมสุขภาพจิต" ผลักดันเพิ่ม "ยาจิตเวช" รักษาผู้ป่วยสิทธิ สปสช.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กรมสุขภาพจิต" ผลักดันเพิ่ม "ยาจิตเวช" เข้าสู่บัญชียาหลักเพิ่มรักษาผู้ป่วยตามสิทธิ สปสช. หลังตัวเลขทั่วโลกสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2565 แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากรายงานศูนย์ข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า จำนวนผู้ป่วยจิตเวชมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อาทิ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นจาก 30,247 คน ในปี 2562 เป็น 33,891 คน ในปี 2564 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มเดียวกันกับสถานการณ์ทั่วโลก โดยส่วนหนึ่งเกิดจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19

ในส่วนของประเทศไทยนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ทำงานเชิงรุกในการสร้างเครือข่ายเพื่อการคัดกรองค้นหากลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยจิตเวช เพิ่มขึ้น เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงบริการ ไม่เพียงเฉพาะการเปิดบริการหอผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มเติมในโรงพยาบาล 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการรักษาและส่งต่อร่วมกับโรงพยาบาลจิตเวชที่มีอยู่ 20 แห่ง 

 

ยังได้มีการประสานงานร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ สปสช. เพื่อผลักดัน "ยาจิตเวช" ที่จำเป็นเข้าสู่บัญชียาหลักเพิ่มเติม รวมทั้งพิจารณาหลักประกันสุขภาพให้ครอบคลุมถึงการรักษาที่ทันสมัย ทั้งที่หน่วยรักษาพยาบาลและในชุมชนด้วยในปัจจุบัน ประเทศไทยมีจิตแพทย์ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 325 คน ส่วนบุคลากร

 

ด้านสุขภาพจิตสาขาอื่นๆ เช่น โพยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยา ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมีถึง 2,838 คน ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน มีการเร่งฝึกอบรมเพิ่มขึ้นในแต่ละปีสำหรับแพทย์ทั่วไปในประเทศ และได้รับการฝึกอบรมด้านจิตเวชด้วยจำนวนชั่วโมงที่มากกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ บุคลากรสาธารณสุขเหล่านี้ให้การดูแลผู้ป่วย

ทั้งในโรงพยาบาล และทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตร่วมกับเครือข่ายอื่น ๆ นอกระบบสุขภาพ ทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถานประกอบกิจการ สถานสงเคราะห์ สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เรือนจำ ฯลฯ ช่วยให้ค้นหาผู้ป่วยพบในระยะแรกเริ่ม และผลการรักษาดีกว่าการรอรับรักษาในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว

 

แพทย์หญิงอัมพร แนะคนใน ครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นกลุ่มคนสำคัญที่จะช่วยสังเกตอาการและช่วยเหลือเบื้องต้นได้ โดยสามารถใช้หลักการ 3 ส. 

-สอดส่องมองหา 

-ใส่ใจรับฟัง

-ส่งต่อเชื่อมโยง

 

ในภาพรวมระบบบริการสุขภาพจิตของประเทศไทยถือว่ามีความก้าวหน้าเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน และเป็นต้นแบบที่ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติในหลายประเด็นทั้งเรื่องสุขภาพจิตโรงเรียน สุขภาพจิตชุมชน และการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ ขอให้ประชาชนมั่นใจในบริการสุขภาพจิตของประเทศไทย และร่วมแรงร่วมใจกันในการสังเกตอาการ ดูแลจิตใจคนใกล้ตัวและในครอบครัว หากพบปัญหาต้องการเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อได้ที่ Line Application Smile Connect หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ