ข่าว

เปิดใจ ชายขับกระบะ ตอบสาเหตุเลื่อนรถช้า ยอมรับขาดสติ โวย จนท.

เปิดใจ ชายขับกระบะ ตอบสาเหตุเลื่อนรถช้า ยอมรับขาดสติ โวย จนท.

19 ต.ค. 2568

เปิดใจ ชายขับกระบะ ตอบสาเหตุเลื่อนรถช้า ชี้ รพ. สื่อสารไม่ครบทุกมุม ยอมรับขาดสติ จนมีปากเสียงกับ จนท. เพราะเหลือแม่คนเดียว

จากกรณี โรงพยาบาลปลายพระยา จ.กระบี่ โพสต์เรื่องราวของผู้ป่วยรายหนึ่ง ที่เสียชีวิตลงเนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนย้ายขึ้นรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อส่งต่อไปรักษาได้ เพราะมีรถกระบะจอดปิดทางการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย กลายเป็นกระแสดราม่าที่สังคมให้ความสนใจ

19 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยัง ชายที่ขับกระบะคันดังกล่าว ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในมุมของตนเองให้ผู้สื่อข่าวฟัง ระบุว่า วันเกิดเหตุตนเองพาแม่ วัย 69 ปี มีอาการป่วยด้วยกรดไหลย้อน ทำให้จุกแน่นหายใจไม่ออก ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ก็คือโรงพยาบาลปลายพระยา ตอนที่จอดส่งแม่ ไม่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมารับตัว ตนจึงต้องให้ภรรยาไปเอารถเข็นและช่วยกันเข็นแม่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพราะแม่มีอาการอ่อนแรงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ตอนนั้นตนเองไม่ทราบว่ารถฉุกเฉินที่จอดอยู่ เพิ่งเข้ามาจอด หรือเตรียมจะออกกันแน่ และไม่รู้ด้วยว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉิน รอขึ้นรถฉุกเฉิน ภรรยาต้องไปติดต่อทำประวัติกับพยาบาล

 

ตนจึงต้องเข็นแม่ไปขึ้นเตียงในห้องฉุกเฉิน ช่วงนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ตนจึงต้องเรียกให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลแม่ด้วย เป็นจังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่มาบอกให้ตนไปเลื่อนรถ แต่ไม่ได้บอกว่า มีผู้ป่วยวิกฤติรอขึ้นรถฉุกเฉินอยู่ 

 

ตนเลยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าตนขอพาแม่ขึ้นเตียงผู้ป่วยก่อน แล้วจะไปขยับรถให้ ตอนนั้นหากมีเจ้าหน้าที่มารับแม่ไปขึ้นเตียงผู้ป่วย แล้วบอกตนว่าให้ตนไปขยับรถให้ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งก่อน มันคงไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นมา ตนจึงหันไปบ่นต่อว่ากับเจ้าหน้าที่ ว่าทำไมถึงไม่แบ่งคนดูแล จากนั้นตนก็เดินออกจากห้องเพื่อจะไปเลื่อนรถให้ และไม่เห็นผู้ป่วยฉุกเฉินดังกล่าวแล้ว ก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่น่าจะพาขึ้นรถฉุกเฉินไปแล้ว 
 

เปิดใจ ชายขับกระบะ ตอบสาเหตุเลื่อนรถช้า ยอมรับขาดสติ โวย จนท.

ชายขับกระบะ เล่าต่อว่า จังหวะที่เดินออกมาตนเห็นลูกสาวของผู้ป่วยคนดังกล่าว มาพูดกับตน ว่าให้ช่วยเลื่อนรถให้ ตนก็เดินออกมาจะเลื่อนรถ แต่ก็เห็นว่ารถฉุกเฉินเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ทางญาติของผู้ป่วยรายดังกล่าว ก็มายืนต่อว่าภรรยาตน ตนจึงพูดคุยเพื่ออธิบาย ว่าแม่ของตนก็อาการหนักเหมือนกัน เพราะหายใจไม่ออก หลังจากนั้นตนเองก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวจะไปเสียชีวิตตรงไหน ตามคำแถลงของโรงพยาบาล ก็ไม่ได้ระบุ ว่าผู้ป่วยไปเสียชีวิตที่ไหน เวลาไหน

รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทางโรงพยาบาลไม่ได้อธิบายให้เข้าใจทั้งหมด มีเพียงภาพบางส่วนที่ทำให้เห็นว่าตนขัดขวางเจ้าหน้าที่ รวมถึงตอนที่ลูกสาวผู้ตายมานั่งอ้อนวอนขอให้ตนไปขยับรถ ตอนนั้นตนก็กำลังจะเดินไปขยับรถให้อยู่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่สื่อสารให้เห็นทั้งหมด ทำให้คนเข้าใจว่าเป็นการกราบอ้อนวอนขอ ซึ่งตนก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกับลูกสาวผู้ตายเลย

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่อง ตนเองเตรียมส่งเงินชดเชยส่วนหนึ่งจากบริษัทที่ทำงาน ไปให้กับญาติผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ตนเองก็ถูกบริษัทเลิกจ้างไปแล้ว ต้องกลายเป็นคนตกงาน ค่าชดเชยจากบริษัทตนเองก็ไม่ได้ ส่วนภรรยาต้องรอออกจากงานสิ้นปีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจกระแสสังคมมารุมด่าว่า และไม่โกรธผู้คนในโซเชียล เพราะเข้าใจว่าเขาได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว สังคมไม่ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนเองก็คงจะไม่ปะทะกับเจ้าหน้าที่แบบนี้ ยอมรับว่าขาดสติไป เพราะตนเหลือแม่เพียงคนเดียว

ส่วนที่โรงพยาบาลกับญาติผู้เสียชีวิต จะดำเนินคดีกับตน ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ เพราะเขาเสียชีวิตไปแล้ว มันก็เป็นเรื่องของคดีอาญา แต่คงยังไม่ติดต่อไปหาญาติผู้เสียชีวิตตอนนี้ เพราะมันยังเป็นกระแส และญาติคงยังทำใจไม่ได้ อาจต้องรอให้เสร็จเรื่องงานศพไปก่อน จึงจะติดต่อไปพูดคุยกัน
 

เปิดใจ ชายขับกระบะ ตอบสาเหตุเลื่อนรถช้า ยอมรับขาดสติ โวย จนท.