
แม่ครูผู้ก่อเหตุทำร้ายเด็กวัย 7 ขวบ โร่ขอโทษ อ้างลูกป่วยซึมเศร้า
แม่ครูผู้ก่อเหตุทำร้ายเด็กวัย 7 ขวบ โร่ขอโทษแม่เด็ก อ้างลูกชายป่วยเป็นซึมเศร้า ด้านแม่เด็กไม่ให้อภัย มองทำรุนแรงเกินไป
จากกรณีเด็กชายวัย 7 ขวบ หยิบขนมบนโต๊ะครูไปกินโดยไม่บอกครู ก่อนที่ครูจะใช้ฟุตเหล็กฟาดหน้าเด็กขอบตาช้ำแก้มบวมแดง ผ่านไป 3 วัน ผู้นำชุมชนทราบเรื่องก่อนพาเด็กไปตรวจร่างกายและเตรียมเอาผิดครู
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านของเด็กชายวัย 7 ขวบ โดยมีผู้ใหญ่บ้านนำลงพื้นที่ ซึ่งระหว่างนั้นปรากฏว่าแม่ของครูที่ก่อเหตุได้นำลูกชายมาขอโทษแม่ของน้อง แต่เมื่อทราบว่ามีนักข่าวมา ทั้งคู่ก็พากันลุกหนีทันที ซึ่งระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยามสอบถามครูรายดังกล่าวว่าวันนี้มาขอโทษครอบครัวน้อง มีอะไรจะคุยบ้างไหม แต่ครูรายดังกล่าวแค่ยกมือไหว้และไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านน้องไป
ด้านแม่ของน้อง เล่าว่า แม่ของครูรายดังกล่าวได้เดินทางมาพร้อมลูกชาย โดยนำกระเช้าเพื่อมาขอโทษแต่ตนไม่ยอมและบอกว่าเรื่องมันมาไกลแล้ว โดยเขาอ้างว่าลูกชายเป็นโรคซึมเศร้า ขอให้ยุติเรื่องและพร้อมที่จะจ่ายค่าเยียวยาให้ ตนจึงบอกให้เพื่อนบ้านไปเรียกนักข่าวมา แต่แม่ครูรายดังกล่าวบอกว่าถ้านักข่าวมาก็จะไม่คุย โดยจะมาคุยวันหลังเพราะกลัวเสีภาพพจน์ก่อนจะออกจากบ้านไป
ทั้งนี้ยังพบว่าที่บ้านของน้อง มีทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านต่างพากันนำขนม ข้าวของ และทุนการศึกษามามอบให้น้อง เนื่องจากครอบครัวน้องฐานะไม่ค่อยดีและเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ชาวบ้านบางรายถึงกับนำขนมมัสเมลโล่มาให้น้องหลายกล่องซึ่งส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น้องผิดจริงที่ไปขโมยขนมครูแต่วิธีการทำโทษเด็กมีหลายวิธีทำไมถึงต้องทำรุนแรงขนาดนี้
ขณะที่นายรัตน์ อุหม่อง กำนันตำบลนาสักและนายณรงค์เดช วงศ์อ้าย ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า เรื่องแบบนี้หากเกิดกับลูกหลานใครก็ยากที่จะรับได้ เด็กผิดจริงที่ขโมยขนมครูกินแต่การทำโทษมันแรงเกินไป โดยอยากให้ผู้บังคับบัญชาและต้นสังกัดครูรายดังกล่าว ย้ายครูออกจากพื้นที่ก่อนเพื่อลดแรงต้านของชาวบ้าน