
เหตุผลสุดบ้าคลั่ง "นักเทนนิสสาว" ชาวอินเดียถูกพ่อแท้ๆ ยิงดับสยองคาครัว
ช็อก! "นักเทนนิสสาว" ชาวอินเดียถูกพ่อแท้ๆ ยิงดับสยองคาครัว เหตุผลสุดบ้าคลั่ง! อายเพราะโดนเพื่อนบ้านล้อ ทำคนอึ้งทั่วโลก!
วงการกีฬาและโซเชียลอินเดียแทบแตก! เมื่อ "รติกา ยาดาฟ" นักเทนนิสสาวสวยชื่อดังอนาคตไกล วัย 25 ปี ถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดในบ้านพักของตัวเอง โดยคนที่ลั่นไกสังหารคือ "พ่อแท้ๆ" ของเธอเอง! สิ่งที่ช็อกยิ่งกว่าคือ "เหตุผล" เบื้องหลังการฆาตกรรมครั้งนี้ ที่เผยให้เห็นถึงความคิดสุดโต่งเรื่อง "ศักดิ์ศรีจอมปลอม" และการควบคุมลูกสาวจนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่น่าเชื่อ!
จากดาวรุ่งสู่โศกนาฏกรรมคาครัว
รติกา ยาดาฟ คือชื่อที่คนในท้องถิ่นเมืองกูรูกรัม ประเทศอินเดีย รู้จักกันดี เธอคือนักเทนนิสหญิงที่มีพรสวรรค์ เคยติดอันดับ 113 ของโลกในประเภทหญิงคู่ของ ITF แม้โชคร้ายที่อาการบาดเจ็บหนักที่ไหล่จะทำให้เธอไม่สามารถก้าวสู่ระดับ WTA ได้ตามฝัน แต่รติกาก็ไม่ได้ยอมแพ้ เธอผันตัวมาเป็นโค้ชเทนนิสเยาวชนในบ้านเกิด พร้อมกับสร้างชื่อเสียงในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อัปโหลดคลิปวิดีโอสอนเทนนิสและไลฟ์สไตล์ลงอินสตาแกรม ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก ด้วยใบหน้าที่สวยคมและบุคลิกที่โดดเด่น เธอยังเคยรับบทนางเอก MV ในเพลง "คาร์วาน" ของศิลปิน อินาม อุลฮัค ซึ่งมีฉากโรแมนติกที่เธอกอดอิงกับพระเอกอย่างเป็นธรรมชาติ ในวัยเพียง 25 ปี รติกาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพาครอบครัวเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี
...จนกระทั่งถึงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. ขณะที่รติกากำลังยืนทำอาหารในครัว เพื่อเตรียมให้คุณแม่ที่กำลังป่วย จู่ๆ ดีปัก ยาดาฟ ผู้เป็นพ่อแท้ๆ ได้เดินเข้ามาด้านหลังเธออย่างเงียบงัน ก่อนจะชักปืนลูกโม่ขนาด .32 ออกมาแล้วรัวยิงใส่ลูกสาวตัวเองถึง 4 นัด จากระยะประชิด กระสุน 3 นัดพุ่งเข้ากลางแผ่นหลัง และอีก 1 นัดเข้าที่ไหล่ ทำให้รติการ่วงลงจมกองเลือดเสียชีวิตคาที่ น้าชายของรติกาที่ได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือและพาร่างเธอส่งโรงพยาบาลมาเรงโก้ เอเชีย แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป รติกาทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจในที่สุด
เปิดโปง "เหตุผล" สุดบ้าคลั่ง
คดีนี้ตำรวจสามารถจับกุมดีปัก ผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว หลักฐานแน่นหนา แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้คนรอบข้างต้องช็อกและสับสนอย่างที่สุด คือ "แรงจูงใจ" ที่ทำให้พ่อแท้ๆ ลงมือสังหารลูกสาวผู้เป็นที่รักของทุกคน
หลังจากการเค้นสอบปากคำอย่างหนัก ดีปัก ยาดาฟ ได้สารภาพถึงเหตุผลที่โลกต้องจารึกว่า... เขาลงมือฆ่าลูกสาวเพราะ "รู้สึกอับอาย" ที่รติกา ซึ่งเป็นผู้หญิง กลับมีชื่อเสียง และสามารถหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพ่อที่เป็นผู้ชาย!
แม้ในข้อเท็จจริง ดีปักเองก็ไม่ได้มีฐานะย่ำแย่แต่อย่างใด เขามีรายได้จากการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และให้เช่า แต่ประเด็นทั้งหมดกลับมาจาก "คำเยาะเย้ยถากถาง" ของคนในหมู่บ้าน
ดีปักสารภาพกับตำรวจว่า "ตอนผมเข้าไปซื้อนม ที่หมู่บ้านวาซิราบัด มีผู้คนเยาะเย้ยถากถางผม บอกว่าผมใช้ชีวิตด้วยการแบมือขอเงินลูกสาว เรื่องนี้มันรบกวนใจของผมมาก" นอกจากนี้ เขายังโดนตำหนิเรื่องที่ลูกสาวทำตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ทำคลิปวิดีโอลงอินเทอร์เน็ต "นอกจากนั้น ยังมีคนในหมู่บ้านตำหนิลูกสาวของผมที่ทำกริยาไม่เหมาะสม ด้วยการทำตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ทำคลิปวิดีโอลงอินเทอร์เน็ต ดังนั้นผมเลยไปบอกลูกสาวว่าให้เลิกสอนเทนนิสได้แล้ว แต่เธอปฏิเสธ"
แม่ของผู้เสียชีวิตยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดีปักไม่พอใจอย่างมากที่ลูกสาวมีชื่อเสียงจากการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์และหารายได้เอง เพราะทำให้เขาถูกคนในหมู่บ้านเย้ยหยันว่า "เป็นพ่อประสาอะไรที่ให้ลูกหาเลี้ยง" ยิ่งไปกว่านั้น มีรายงานว่าดีปักไม่พอใจอย่างรุนแรงที่รติกาไปเล่น MV ที่มีฉากโอบกอดกับพระเอก MV ซึ่งเป็นชาวมุสลิม เหตุการณ์นี้ทำให้พ่อรู้สึกว่าลูกสาวทำตัวไม่สำรวมและไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการแตะเนื้อต้องตัวกับคนต่างศาสนา
ความคับแค้นใจและคำดูถูกต่างๆ นานาเหล่านี้ รวมกับความต้องการควบคุมลูกสาว ทำให้ดีปักทะเลาะกับรติกาอย่างรุนแรง และออกคำสั่งให้เธอเลิกทำตัวเป็นอินฟลูเอนเซอร์และเลิกสอนเทนนิส แต่รติกาไม่ยอมรับ สุดท้ายเธอยอมลบอินสตาแกรมของตัวเอง แต่ยืนยันที่จะไม่เลิกสอนเทนนิส ซึ่งคำสารภาพของดีปักระบุว่า การที่ลูกสาวไม่ยอมพึ่งพาพ่อ และไม่ยอมทำตามคำสั่ง "กระทบต่อศักดิ์ศรีของเขาเป็นอย่างมาก" จนทำให้เขา "ฟิวส์ขาด"
โฆษกของสำนักงานตำรวจเมืองกูรูกรัมอธิบายถึงความตั้งใจในการก่อเหตุว่า "โดยปกติ ทุกๆ เช้า ดีปักจะเป็นคนออกไปซื้อนม แต่วันนั้นเขาบอกให้ลูกชายไปซื้อแทน เพื่อที่รติกาจะได้อยู่คนเดียว จากนั้นเขาหยิบเอาปืน แล้วยิงสี่นัดในขณะที่เธอกำลังทำอาหาร"
คดีสุดสะเทือนขวัญนี้ปิดลงแล้วอย่างรวดเร็ว ด้วยหลักฐานและแรงจูงใจที่ชัดเจน ดีปัก ยาดาฟ ถูกคุมขังและเตรียมเผชิญกับบทลงโทษสูงสุดตามกฎหมายในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมจาก "ศักดิ์ศรี" ที่บิดเบือน และความรุนแรงในครอบครัวที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในสังคม
ที่มาอ้างอิง timesofindia